PEACE TV LIVE

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

คลิปรายการ นายแน่มาก วันที่ 1 กันยายน 2555 โดยคุณคฑาวุธ

ดีเดย์วันนี้ 1กันยา 55 ! 30 บาทรักษาทุกโรค สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบัตร 30บาท

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1346495973&grpid=00&catid=00&utm_source=MatichonOnline&utm_medium=MatichonOnline(๑) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง บุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ ลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๔๖
(๒) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง บุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗
ข้อ ๒ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕

(๑) ผู้มีรายได้น้อย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยสวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล พ.ศ. ๒๕๓๗
(๒) ผู้นำชุมชน ได้แก่ กำนัน สารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และแพทย์ประจำตำบล และบุคคลในครอบครัว
(๓) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร และบุคคลในครอบครัว
(๔) ผู้ที่มีอายุเกินกว่า ๖๐ ปีบริบูรณ์
(๕) เด็กอายุไม่เกิน ๑๒ ปีบริบูรณ์
(๖) คนพิการตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ทั้งนี้จะมีบัตรประจำตัวคนพิการหรือไม่ก็ตาม
(๗) พระภิกษุ สามเณร ในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีหนังสือสุทธิรับรอง แม่ชี นักบวช นักพรต และผู้นำศาสนาอิสลามที่มีหนังสือรับรอง ซึ่งหมายถึงกรรมการอิสลามประจำมัสยิด กรรมการอิสลามประจำจังหวัด กรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย อิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่นและบุคคลในครอบครัวของผู้นำศาสนาอิสลาม
(๘) ทหารผ่านศึกทุกระดับชั้น (ชั้น ๑ - ๔) ที่มีบัตรทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัวรวมถึงผู้ได้รับพระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิและทายาท
(๙) นักเรียนไม่เกินชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
(๑๐) นักเรียนทหารและทหารเกณฑ์
(๑๑) ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญงานพระราชสงครามในทวีปยุโรปและบุคคลในครอบครัว
(๑๒) อาสาสมัครมาเลเรีย ตามโครงการของกระทรวงสาธารณสุข และบุคคลในครอบครัว
(๑๓) ช่างสุขภัณฑ์หมู่บ้านตามโครงการของกรมอนามัยและบุคคลในครอบครัว
(๑๔) ผู้บริหารโรงเรียน และครูของโรงเรียนเอกชนที่สอนศาสนาอิสลามควบคู่กับวิชาสามัญหรือวิชาชีพและ บุคคลในครอบครัว ในเขตจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช ระนอง กระบี่ พังงา และภูเก็ต
(๑๕) ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญราชการชายแดน
(๑๖) ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน
(๑๗) สมาชิกผู้บริจาคโลหิตของสภากาชาดไทย ซึ่งมีหนังสือรับรองจากสภากาชาดไทยว่าได้บริจาคโลหิตตั้งแต่ ๑๘ ครั้งขึ้นไป
(๑๘) หมออาสาหมู่บ้านตามโครงการกระทรวงกลาโหม
(๑๙) อาสาสมัครคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม
(๒๐) อาสาสมัครทหารพรานในสังกัดกองทัพบก
(๒๑) บุคคลที่แสดงความประสงค์ไม่จ่ายค่าบริการ
ข้อ ๓ บุคคลในครอบครัวตามประกาศนี้ หมายถึง บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้มีสิทธิตามพระราช บัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕

ข้อ ๔ ประกาศนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
วิทยา บุรณศิริ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ดีเดย์1ก.ย. 30บาทรักษาทุกโรค ครอบคลุมผู้ป่วยเรื้อรัง,เอดส์-ไต  http://www.thairath.co.th/content/edu/287883
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบัตร 30บาท
ได้รับบริการที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เช่น
  • ตรวจรักษาทุกโรค
  • ผ่าตัดทุกโรค ทำคลอดรวมไม่เกิน 2 ครั้ง กรณีที่บุตรมีชีวิตอยู่ ทำหมัน ฉีดวัคซีนและเซรุ่มป้องกันโรคทั่วไป
  • อวัยวะเทียมหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดโรค รวมทั้งค่าซ่อมแซม ยกเว้นอวัยวะเทียมหรืออุปกรณ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
  • การถอนฟัน การอุดฟัน การขูดหินปูน การทำฟันปลอมฐานพลาสติก การรักษาโพรงประสาทฟันน้ำนม และการใส่เพดานเทียมในเด็กปากแหว่งเพดานโหว่
  • ค่าห้อง และค่าอาหาร ประเภทผู้ป่วยสามัญ
การรักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม
  • การผ่าตัดเสริมสวย
  • การตกแต่งฟันเพื่อความสวยงาม
  •  แว่นตา
  •  อวัยวะเทียมที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ
  •  การรักษาภาวะมีบุตรยาก
  •  การผสมเทียม
  • การเปลี่ยนเพศ
  •  การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
  • การรักษาที่อยู่ระหว่างการค้นคว้าทดลอง
  • โรคติดต่อที่ไม่ได้จัดเป็นบริการพื้นฐาน
  • การทำไตเทียมแบบล้างโลหิต (ไตวายเรื้อรัง)
  • การทำแท้ง
  •  การรักษาเพื่อช่วยชีวิตจากการฆ่าตัวตาย
  • ค่าห้องและค่าอาหารพิเศษ เป็นต้น
ผู้มีสิทธิ 30 บาท
           ทุกคนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อยู่ในจังหวัดสงขลา และเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิตามกฎหมายหรือระเบียบอื่นๆ ของรัฐอยู่ก่อนแล้ว
ผู้ที่มีสิทธิอื่นสามารถใช้สิทธิ   30 บาทได้หรือไม่
      ผู้มีสิทธิตามกฎหมายหรือระเบียบอื่นๆ ของรัฐอยู่ก่อนแล้วไม่ต้องขอใช้บริการโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคให้ใช้สิทธิเดิมที่มีอยู่ เช่น
  • ข้าราชการ พนักงานของรัฐ ลูกจ้างประจำของรัฐ
  • ลูกจ้างในโครงการประกันสังคม
  • ผู้มีบัตรประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ผู้มีสิทธิตามโครงการรักษาพยาบาล ผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่สังคมช่วยเหลือเกื้อกูล (สปร.)
  • ้มีสิทธิตามระเบียบสวัสดิการประชาชนด้านรักษาพยาบาลอื่นๆ เช่น พระ ผู้นำศาสนา ทหารผ่านศึก และผู้นำขุมชน เป็นต้น ยังสามารถได้รับสิทธิฟรีเช่นเดิม
    การขึ้นทะเบียนบัตร  30 บาท รักษาทุกโรค
นำสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน หรือหลักฐานทางราชการ มาขึ้นทะเบียนที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยใกล้บ้าน

1ปี 'ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ' ทักษิณ ชินวัตร Hot topic 31ส.ค.55

1ปี 'ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ' ... เลิกขัดแย้ง ไทยเจริญ

1 ปีผลงานรัฐบาลเพื่อไทย ทักษิณ ยอมรับทำงานในภาวะที่ยากยิ่ง แต่ผลงานออกมาขนาดนี้ ถือว่าน่าพอใจ ย้ำรัฐบาลต้องกระจายโอกาสอย่าเท่าเทียม ให้คนไทยพัฒนาเร็วตามโลกให้ได้
ชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยในการ เลือกตั้งเมื่อปี 2554 นั้นส่วนหนึ่งมาจากการชูแนวทางการหาเสียง 'ทักษิณคิด  เพื่อไทยทำ' ซึ่งนำมาสู่การออกโครงการต่างๆ ของรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่น การรับจำนำข้าว การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การแจก Tablet PC บ้านหลังแรก รถคันแรก ฯลฯ VoiceTV สัมภาษณ์พิเศษ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อประเมินผลงานการบริหารประเทศของรัฐนาวาภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยอดีต นายกรัฐมนตรียังได้ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของเขาต่อการบริหารงานในรัฐบาลว่ามี ส่วนร่วมอย่างไรบ้างนอกจากนี้ยังได้ประเมินถึงสถานการณ์ความเป็นไปได้ถึงการ เกิดรัฐประหารอีกในประเทศไทย...ติดตามบทสัมภาษณ์ได้ในรายการ Hot topic ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2555
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ HOT TOPIC โดยระบุถึงผลงาน 1 ปีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ทำตามไปเยอะแต่ไม่ 100% เพราะเจอเรื่องน้ำท่วมเป็นประวัติการณ์ จึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนในการแก้ปัญหา ทำให้ทุกอย่างสะดุด แต่ตอนนี้ก็เริ่มทำหลายเรื่องที่คิดไว้ ที่เสียหายไปตั้งแต่การปฏิวัติ และพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นจุดอ่อนของการเมืองไทย ที่ขาดความต่อเนื่องในการพัฒนา หรือคิดแบบพวกเขาพวกเรา อีกทั้งการเจอปัญหาเรื่องการใช้งบประมาณด้วย

สำหรับคะแนน 10 เต็ม ถ้าถามว่าให้เท่าไร พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า งานที่ทำไปแล้วกับที่คิดไว้ ต้องบอกว่าเพิ่งทำไปได้เพียง 60-70% แต่คิดว่าอีก 1 ปี รัฐบาลน่าจะทำได้เต็มที่ ส่วนเรื่องผลกระทบค่าแรงนั้น ต้องมองสองแง่ ต้องมองว่าหากเอกชนให้ทำงานแบบไขลานไปทำงานหรือไม่ เพราะชีวิตคนทำงานหากลำบากก็จะไม่เกิดผลงาน แต่เอกชนต้องไปคิดว่าทำการตลาดให้ดีกว่านี้ คิดด้านอื่นให้ดีกว่า ปรับปรุงให้ดีกว่าในส่วนนี้ ก็จะทำให้ปรับศักยภาพเพื่อการแข่งขันได้ดีขึ้น และต้องมองว่าค่าแรง 300 บาท ก็จะไม่พอกิน เนื่องจากทุกอย่างมันก็ปรับตัวสูงขึ้น
 ส่วนการทุจริตจำนำสินค้าเกษตร ตนขอให้ไปดูได้เลยว่ามีที่ไหน แล้วจัดการได้เลย ตนยืนยันว่า ระบบจำนำดีกว่าระบบประกันแน่นอน เพราะระบบประกันเอาแต่เงินไปเติมให้กับประชาชนที่ไม่ใช่ชาวนา แต่ระบบจำนำชาวนาได้ เพราะมีข้าวมาจำนำ ซึ่งได้เต็มปากเต็มคำ และถ้าคงราคานี้ไว้อีก 2 ฤดูทำนา ชาวนาจะพ้นหนี้สิน

แต่เมื่อขึ้นราคา ผู้ส่งออกต้องขอบคุณที่ประเทศอื่นทุ่มขายข้าวออกมา จนราคาถูก ทำให้ตอนนี้เรามีสต๊อกข้าวมากที่สุด จึงทำให้ราคาข้าวมันขึ้น ถึง 600 ดอลลาร์กว่าตันแล้ว ซึ่งต่างจากระบบเดิม ที่รัฐบาลไปซื้อแพงขายถูก แต่รัฐบาลนี้จำนำมาแพงก็ต้องนิ่งจนราคาข้าวมันขึ้น อีกทั้งนิตยสารทั่วโลกก็รายงานมาแล้วว่า หลายพื้นที่เริ่มแล้ง ทำให้ราคาอาหารเริ่มขึ้น วันนี้เราไม่ได้รังแกผู้ค้าส่งออก ต้องหาตลาดมากหน่อย อย่าเอาแต่ขายของถูกให้ขาเดิม ซึ่งตนพบกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ก็ช่วยให้เขาซื้อข้าวเราเพิ่ม และไม่ต้องห่วงว่า เพราะวันนี้ราคาข้าวขึ้นก็จะไม่ลงแน่นอน ซึ่งตนจะไปพบกับประธานาธิบดีอิรัก ก็จะเจรจาเรื่องค้าข้าวและอาจแลกกับน้ำมัน

วันนี้เราต้องการยกให้ความเป็นอยู่ของประเทศทั้งหมดดีขึ้น คนใช้แรงงาน เกษตรกร มีรายได้พอกิน เหมือนกับคนเรียนหมอ แต่ถ้าจบมาแล้วเงินเดือนน้อย คนก็ไม่เรียนหมอ หันไปเรียนนิติศาสตร์ที่วันนี้สามารถทำเงินได้มาก จึงต้องช่วยให้เกษตรกรดีขึ้น

"เราเป็นผู้ค้าข้าวอันดับหนึ่งของโลก จะไปยอมให้คนค้าข้าวอันดับสองอันดับสาม มากำหนดราคาได้อย่างไร"

ส่วนเรื่องแท็บเล็ตพีซี จะทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างพ่อแม่และลูกได้เรียนรู้ร่วมกัน อีกทั้งการมี free wifi ก็สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตได้ง่าย มีความรู้ได้มาก และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มาก ช่วยให้เมืองไทยมีความฉลาดมากขึ้น ส่วนเรื่องการจะมัวรอความสมบูรณ์ทุกอย่างนั้น จะไม่มีไฟฟ้าหรืออะไรก็ตาม เป็นเรื่องที่รอไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรสมบูรณ์ เหมือนนักเรียนจะสอบผ่านหมดเป็นไปไม่ได้ ย่อมมีเด็กที่สอบตก แต่จะมัวรอให้เด็กสอบผ่านเรียนเก่ง แล้วค่อยเปิดโรงเรียนมันจะเป็นไปไม่ได้

ส่วนเรื่องการเรียนรู้นั้น นอกจากนำสื่อหนังสือดีๆลงไปแล้ว อีกวิธีอาจมีครูเก่งๆเข้ามาสอนในห้องเรียนอัจฉริยะ แล้วเอาแท็บเล็ตพีซีเข้าไปเรียนกับครูคนนั้น ซึ่งจะเป็นการเรียนร่วมกัน เพราะเราไม่สามารถสร้างครูพันธุ์ใหม่ได้ทัน วันนี้เด็กต้องฉลาด และครูต้องฉลาดให้ทัน เพราะก็ได้เห็นวิธีสอนที่เก่งๆ วันนี้ครูเก่งมีมาก แต่อาจจะยังไม่ทั่วประเทศ การใช้เทคโนโลยีจะทำให้เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น อีกทั้งต้องทำเรื่อง wifi  จะต้องทำให้เชื่อมโยงเป็นระบบด้วย

ส่วนเรื่องรถยนต์คันแรกนั้น ต้องมองว่า ปัจจัยสี่มันปลี่ยนไป และถือเป็นปัจจัยสำคัญ เราอยากให้คนได้เริ่มชีวิตได้ง่ายๆ เพื่อให้คนแข็งแรงเร็วๆ หากมีเร็วก็จะทำให้ครอบครัวเข้มแข็ง เพราะมีภาระความรับผิดชอบ ไม่ใช่พอเบื่องานก็สะบัดตูดหนีทันทีมันก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้ชีวิตได้เริ่มเร็วขึ้นง่ายขึ้น เพื่ออนาคตจะได้พัฒนาไปเร็วตามไปด้วย ซึ่งวันนี้อิทธิพลของโลกเข้ามาเร็ว แต่ที่ผ่านมาเราทำให้คนไทยล้าหลังไปมาก จึงต้องพัฒนา เหมือนอย่างบิลเกต เคยบอกว่า เราไม่ผิดที่เกิดมาจน แต่หากเรายังตายจนอยู่ นั่นจะเป็นความผิดของเรา แต่หากเกิดมาจน แต่เราไม่อยากจน แต่ดันตายจน แสดงว่าเป็นความผิดของรัฐ ซึ่งต้องแก้ไข

ส่วนเรื่องกองทุนช่วยเหลือต่างๆนั้น เพียงแต่ปาดเอาเงินจากคนเมือง มาเจือจานกับสังคมชนบทบ้าง จะได้ช่วยให้สังคมชนบทดีขึ้น ตนอยากบอกว่า รัฐบาลต้องมีวินัยการเงินการคลัง ต้องใช้เงินไม่กระจุก และต้องให้โอกาสเท่าเทียมกัน และต้องให้สังคมระดับล่างได้ประโยชน์ไปด้วย

สำหรับนโยบายโอท็อป  ต้องบอกว่า ช่วงรัฐบาลทหารมีการล้างไปบ้าง พอรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ไม่เข้าใจปรัชญา ซึ่งต้องกลับไปใหม่ โดยที่ผ่านมาโครงการศิลปาชีพ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯเคยทำไว้ เพียงแต่โอท็อป เข้าไปเสริมต่อยอด เพื่อให้คนที่มีฝีมือเหล่านั้นได้กลับมาทำประโยชน์และให้เป็นรายได้เสริมจาก อาชีพเกษตรกรรมที่เป็นอาชีพหลัก ส่วนเงินทุนไม่มี ก็มีการตั้งกองทุนเพื่อให้เข้าถึง ซึ่งเป็นระบบไมโครไฟแนนซ์ ไม่ใช่ระบบธนาคาร แบบทุนนิยมมาครอบไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เพียงการแจกเงินอย่างเดียว แต่ต้องให้ประชาชนเข้ามาดูแลด้วย เพื่อให้สังคมเติบโตไปด้วยกัน

เมื่อถามถึงการเลือกตัวคนมาเป็นรัฐมนตรีนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า นายกฯมีประสบการณ์แล้ว ที่ผ่านมาก็จะมีมาถามว่า คนคนนั้นมีประวัติอย่างไร ตนมีประวัติเดิม นายกฯมีประวัติใหม่ ก็เอามาเสริมกัน ส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ และยืนยันว่าไม่มีการขัดแย้งกัน ส่วนปรึกษากันเป็นเรื่องธรรมดา แม้กระทั่งการโยกย้ายนายตำรวจ ก็ต้องดูความเหมาะสม และเป็นไปตามระบบ

ประเมินนายกฯยิ่งลักษณ์อย่างไร อดีตนายกฯ ตอบว่า ตนมองว่า เก่งกว่าที่คิดไว้เยอะ เพราะด้วยความที่เป็นคนเติบโตบ้านนอกเหมือนกัน จึงทำงานด้วยความทุ่มเท และเข้าใจการบริหารด้วย และตอนนี้ก็รู้จักคนมากขึ้น เข้าใจระบบราชการมากขึ้นก็ดีขึ้น และก็ไม่ใช่นายกฯหุ่นเชิด เพราะด้วยความเป็นผู้นำอยู่แล้ว ก็ไม่ยอมแน่นอน ส่วนเรื่องการหารือพูดคุยกันตามแบบครอบครัวเป็นเรื่องธรรมดา แต่การบริหารก็เป็นเรื่องของท่านเอง

นอกจากนี้ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า แม้การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ถูกต้องนัก แต่สิ่งสำคัญก็ต้องพยายามเลี่ยงความขัดแย้ง และเราก็ไม่อยากหักด้ามพร้าด้วยเข่า ถ้าไม่ได้ก็ไม่ทำ อะไรที่จะเพิ่มความขัดแย้งเราก็ไม่ทำ อย่างไรก็ตาม เรื่องการรีบกลับบ้าน ตอนนี้ตนก็เฉยๆ  สบายๆ ไม่รีบ บอกพรรคประชาธิปัตย์ด้วยตนไม่รีบ ซึ่งตอนนี้ตนเดินทางไปพบผู้นำต่างประเทศเยอะมาก เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนและการท่องเที่ยว

ช่วงท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่า จากนี้รัฐบาลต้องทำงานหนัก เพราะประเทศเสียหายมาก โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญที่จ้องล้มรัฐบาล จึงทำงานยาก และระบบราชการที่เสียไป จึงต้องใช้เวลา ซึ่งตอนนี้ยากกว่าสมัยตอนที่ตนเข้ามาทำงาน เพราะรัฐธรรมนูญสมัยนั้นมาจากประชาชน และให้อำนาจนายกฯตัดสินใจได้เร็ว ซึ่งประเทศจะพัฒนาไปเร็วมากถ้าไม่มีความขัดแย้ง

ส่วนการรัฐประหารจะครบ 6 ปีนั้น อดีตนายกฯ บอกว่า  ที่ผ่านมามีคนหนึ่งเคยมาพูดกับตนตั้งแต่ตนยังเป็นนายกฯ ซึ่งตนถามว่า ประเทศไทยจะมีปฏิวัติอีกมั๊ย เขาตอบว่า ตราบใดคนขับรถสิบล้อยังกินยาบ้า ปฏิวัติก็ย้งไม่พ้นจากประเทศไทย นั่นก็หมายถึง เรื่องบ้าๆยังเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ ส่วนวันนี้หากมีปฏิวัติ ความเสียหายจะรุนแรงมาก และไม่คุ้มกับฝ่ายใดๆทั้งสิ้น วันนี้รัฐบาลต้องไม่กลัว จะปฏิวัติก็ปฏิวัติไป ไม่ต้องไปกลัว

ด้านการเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดง ตนพยายามบอกเสมอว่า เราจะต้องเคลื่อนไหวเรื่องการปกป้องประชาธิปไตย และดำรงความเป็นธรรมเพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือนเกิดขึ้นในสังคม.
  http://shows.voicetv.co.th/hot-topic/48885.html

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สลิ่มถ่อย ด่าป้าดารุณี กลางห้างดัง

ด่วน! สลิ่มเลว ไล่ด่า “ดารุณี กฤตบุญญาลัย” กลางห้าง

ทีมงาน go6TV ได้สัมภาษณ์ดารุณี กฤตบุญญาลัย ถึงกรณีคลิปผู้หญิงเสื้อสีดำคนหนึ่ง ยืนด่าใส่ร้ายว่า “ด่าในหลวง” กลางห้างพารากอนชั้น 5 ในร้านก๋วยเตี๋ยว

คุณดารุณี ได้เล่าเหตุการณ์ดังกล่าวให้ฟังอย่างตื่นตระหนกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อหัวค่ำของวันนี้ (วันที่ 31 สิงหาคม 2555 เวลาประมาณ 19.00 น.)  ตนได้ไปทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ห้างพารากอนชั้น 5 ระหว่างทานอยู่นั้น ปรากฏมีหญิงเสื้อดำคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี ได้เดินเข้ามาแล้วถามว่า “นี่ใช่ ดาหรือเปล่า”   คุณดารุณีเงยหน้าตอบว่า “ใช่ค่ะ ดิฉันชื่อดา” (หมายถึงชื่อเล่นชื่อดา) พอคู่สนทนาสลิ่มเสื้อดำได้รับคำตอบว่า “ดา” เท่านั้น เธอเริ่มด่า “มึงด่าในหลวงทำไม อีห่า มึงใช่ไม๊ อีดา ที่ด่าในหลวงที่สนามหลวง” 

คุณดารุณี จึงตอบว่า “ไม่ใช่ค่ะ... “ดา” ที่สนามหลวงคนนั้น คือ “ดาร์ตอปิโด” แต่ดิฉัน “ดารุณี”

หญิงสลิ่มใจทรามไม่ยอมหยุดตอบว่า “มันคือคนเดียวกัน อีนี่แหละใช่เลย มึงนี่แหละ” และด่าอีกนานกว่า 3 นาที
ขณะนั้น พนักงานในร้านมาขอร้องให้หยุดด่า และเชิญหญิงสลิ่มออกจากร้าน เธอตะคอกใส่ว่า “ฉันเป็นประชาชน ทำไมจะด่าไม่ได้”

หลังจากนั้น คนในร้านที่รักความยุติธรรมเริ่มลุกมาช่วย และกดดันสลิ่มเสื้อดำเลว โดยถ่ายคลิปไว้ 
คุณดารุณีจึงบอกว่า ให้ไปตามรักษาความปลอดภัยมา และจะไปโรงพักด้วยกัน
หลังจากนั้น เมื่อทราบว่ามีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ และฝ่ายรักษาความปลอดภัยกำลังมา เธอคนนั้นก็รีบเดินหนีไปทันที

ล่าสุด คุณดารุณี กฤตบุญญาลัยกล่าวว่า จะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่โรงพักในวันพรุ่งนี้

นปช แถลงข่าว 31สค55

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เสื้อแดงเพชรบูรณ์เป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มอบเงินเยียวยาบางส่วนแด่พี่ทองพูน เย็นวัฒนา




ขอความช่วยเหลือด่วน นายทองพูน เย็นวัฒนา ช่างภาพอิสระที่อยู่กับฝ่ายเสื้อแดงมาตั้งแต่ต้น และเคยเสียงตายถ่ายภาพช่วงสลายชุมนุม และมีทั้งฝ่ายการเมืองและหลายๆฝ่ายได้ประโยชน์จากภาพเหล่านั้นมาแล้ว

ขณะนี้เขากำลังลำบากมากเป็นมะเร็งที่โพรงจมูกลุกลามจนพูดฟังไม่รู้เรื่องแล้ว ต้องออกจากงานไปนอนรักษาแบบอนาถาที่บ้านจังหวัดเพชรบูรณ์ ภรรยาไม่มีเงิน ลูกก็ยังเล็ก

ถึงแม้จะไม่ใช่ผลกระทบที่เกิดจากการชุมนุมที่จะเข้าเงื
่อนไขเยียวยา แต่เราคนเสื้อแดงอยากแสดงว่าเราไม่ทอดทิ้งกันเมื่อยามลำบาก

ท่านที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ สามารถติดต่อไปที่ โทร 090-5639691 หรือโอนเงินเพียงเล็กน้อยของท่านไปช่วยเหลือที่ บัญชี ออมทรัพย์เลขที่ 1590946081 ธ.กรุงเทพ สาขาสามแยกไฟฉาย ชื่อเจ้าของบัญชี นายทองพูน เย็นวัฒนา
หรือใครต้องการสมทบเงินหรือสิ่งของหรือเดินทางไปด้วยโปรดติต่อมาที่ผม ผมจะเดินทางไปเยี่ยมด้วยตัวเอง ที่ บ้านปึกหวาย เลขที่ 123 หมู่ 3 ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์



ประธานเสื้อแดงเพชรบูรณ์เป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มอบเงินเยียวยาบางส่วนแด่พี่ทองพูน เย็นวัฒนา ที่วิเชียรบุรี ครับ ness idea7 รายงาน



ขอบคุณ รูปจากคุณ http://www.facebook.com/photo.php?fbid=405950279458233&set=a.218836628169600.73092.100001297933434&type=1&theater

นายกยิ่งลักษณ์ ในภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

Published on Aug 23, 2012 by
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตามโครงการ ปีมหัศจรรย์เมืองไทย หรือ Miracle year ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สอบเครียด 7 ชั่วโมง 2มือปืนสไนเปอร์ รับยิงจริง แต่ใช้กระสุนปลอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการสอบปากคำ ส.อ.ศฤงคาร และ ส.อ.คชารัตน์ เป็นไปอย่างตึงเครียด โดยถูกจับแยกห้องสอบ และเริ่มสอบตั้งแต่เวลา 10.00 น.จนถึง 17.00 น. รวม 7 ชั่วโมง ระหว่างสอบปากคำพบว่า ส.อ.ศฤงคาร มีอาการเครียกกว่า ส.อ.คชารัตน์ โดยเดินออกมาสูบบุหรี่ด้านนอกไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง และมีสีหน้าเคร่งเครียดเห็นได้ชัด เมื่อสอบถามรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับคําให้การก็ไม่ยอมเปิดเผย และเมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องขอปลดประจำการทหาร ภายหลังเสร็จภารกิจสลายม็อบ ปี 53 ก็ยอมรับว่าต้องลาออกมาดูแลพ่อแม่ที่ชรามาก และพ่อป่วยเป็นมะเร็ง โดยกลับไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน อ.เมือง จ.ชัยนาท จนกระทั่งได้รับการติดต่อจากต้นสังกัดเดิมว่าจะพาไปพบพนักงานสอบสวนที่ดีเอส ไอ  http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5qSXhPVEEzTnc9PQ%3D%3D&subcatid


2ทหารสไนเปอร์ บอกใช้กระสุนปลอม มาดูคลิปกันจะๆ ถ้าไร้กระสุน จะล้มได้ยังไง ??

คลิป เจ้าหน้าที่ทหารใช้ปืนสไนเปอร์ยยิง นปช หน้าสนามมวยลุมพินี15 05 10 
ผลสอบ 2 ทหารมือสไนเปอร์ วันพุธ ที่29 สิงหาคม 2555
 "2 พลซุ่มยิงยอมรับใช้ปืนสลายม็อบเสื้อแดงปี 53 จริงแต่ใช้กระสุนปลอม " ถ้าไร้หัวกระสุน ทำไม ต้อง ล้ม ทำไม ตาย ??? 


ดีเอสไอ เผยผลสอบปากคำ 2 พลซุ่มยิงยอมรับใช้ปืนสลายม็อบเสื้อแดงปี 53 จริงแต่ใช้กระสุนปลอม
วันนี้ (29 ส.ค. 55) พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน จำนวน 91 ศพ เปิดเผยผลการสอบปากคำ สิบเอก ศฤงคาร ทวีชีพ, สิบเอกคชารัตน์ เนียมรอด ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น.ที่ผ่านมา รวมเวลาสอบปากคำนานกว่า 7 ชั่วโมง ว่า ได้สอบปากคำทหารทั้งสองคนในประเด็นการปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว ารใช้อาวุธ วิธีการใช้อาวุธ และอาวุธปืนที่ใช้ ซึ่งทั้งสองให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล โดยระบุว่าในวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่ถูกบันทึกวิดีโอ ทั้งสองได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่บริเวณบ่อนไก่ตั้งแต่เวลา15.00-18.00 น. ส่วนอาวุธปืนที่ใช้เป็นเอ็ม 16 ที่นำไปติดลำกล้องภายหลัง โดยยอมรับว่าใช้ปืนยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจริงแต่เป็นกระสุนซ้อมไม่มีหัว กระสุน รวมทั้งปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวมีการใช้กระสุนจริงหรือไม่

พ.ต.อ. ประเวศน์ระบุต่อว่ าหลังจากสอบปากคำพยานทั้งหมดแล้ว จะรวบรวมข้อมูลส่งให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลไปชันสูตรพลิกศพและส่งให้อัยการ ไต่สวนเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้เสียชีวิตที่อาจมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รัฐhttp://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=47883&utm_source=dlvr.it&utm_medium=twitter

โฉมหน้า มือสังหาร ส.อ.ศฤงคาร ทวีชีพ ส.อ.คชารัตน์ เนียมรอด 2พลซุ่มยิงเข้าให้การดีเอสไอ








วันนี้ 29 ส.ค. 55  เวลาประมาณ 10.30 น. นายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัวส.อ.คชารัตน์ เนียมรอด และส.อ.ศฤงคาร ทวีชีพ  พลแม่นปืนที่ประจำการอยู่บริเวณสนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553  เข้าพบพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิต 91 ศพ จากการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน โดยส.อ.คชารัตน์แต่งกายในเครื่องแบบทหาร ส่วนส.อ.ศฤงคารซึ่งปลดประจำการไปแล้ว แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์สีเข้ม โดยพลแม่นปืนทั้ง 2 มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน และพยายามเดินหลบเลี่ยงกลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพแต่ไม่สามารถหลุดจากวง ล้อมของกลุ่มผู้สื่อข่าวได้  ทำให้ถูกรุมติดตามถ่ายภาพจนเจ้าหน้าที่นำตัวแยกเข้าห้องสอบสวน  สำหรับประเด็นที่พนักงานสอบสวนเตรียมสอบปากคำพลแม่นปืนทั้ง 2 ราย คือ การปฏิบัติหน้าที่ระหว่างที่ได้รับมอบหมายให้เข้าประจำจุดหน้าสนามมวย ลุมพินี รวมทั้งได้รับคำสั่งอย่างไรจากผู้บังคับบัญชา โดยพลแม่นปืนทั้ง 2 ราย ถูกดีเอสไอออกหมายเรียกเข้าให้ปากคำ เนื่องจากปรากฎภาพจากสื่อมวลชนที่บันทึกภาพขณะเล็งปืนในท่าประทับhttp://www.dailynews.co.th/crime/152275


voicetv 29 ส.ค.55 ดีเอสไอเรียก 2 พลแม่นปืนเข้าชี้แจง

สิบเอก ศฤงคาร ทวีชีพ ปัจจุบันปลดประจำการแล้ว และสิบเอก คชารัตน์ เนียมรอด นายทหารสังกัดกองพันทหารม้าที่ 5 รักษาพระองค์ จังหวัดสระบุรี เจ้าหน้าที่ทหารที่ปรากฏบนภาพสื่อในการปฏิบัติการสลายการชุมนุมช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค. 53 เข้าให้ปากคำกับเจ้าพนักงานกรมสอบคดีพิเศษตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ในฐานะพยาน

โดยครั้งแรกนายทหารทั้งสองได้ขอเลื่อนการเข้าปากคำ ซึ่ง ทางพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำหนังสือเรียกให้นายทหารทั้ง 2 เข้าให้ปากคำอีกครั้งในวันที่ 29 สิงหาคม 2555
http://news.voicetv.co.th/thailand/48823.html

ชัดๆ มือสังหาร

ส.อ.ศฤงคาร ทวีชีพ

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นายทหารพระธรรมนูญ นำ ส.อ.ศฤงคาร ทวีชีพ (เสื้อขาว) ส.อ.คชารัตน์ เนียมรอด(เสื้อทหารขวาสุด) พลซุ่มยิง 2 นาย มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1346213007&grpid&catid=01&subcatid=0100





สุเทพไม่เซ็นคลิป เม.ย.53 ให้การ 10 ชม. ดีเอสไอซัก 40 คำถาม

สุเทพไม่เซ็นคลิปเม.ย.53 ให้การ10ชม. ดีเอสไอซัก40คำถาม วันนี้สอบ"2สไนเปอร์"

วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 09:36:10 น.



(หน้า1 มติชนรายวัน 29 สิงหาคม 2555)


แจง98ศพ - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คดี 98 ศพจากเหตุสลายผู้ชุมนุมเมื่อปี 2553 ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม
ดี เอสไอเรียกสอบ 2 พลซุ่มยิงวันนี้ สอบ′สุเทพ′มาราธอน 10 ชั่วโมง ไม่เซ็นรับยิงผู้ชุมนุมเสียชีวิต ยันคดีชายชุดดำอยู่ในศาล ด้าน′เฉลิม′ห่วง′หมอตุลย์′ไม่กล้าพูดสร้างสถานการณ์

@ สอบสวน′สุเทพ′ข้ามวัน

กรม สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เข้าให้ปากคำในคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน 98 ศพ จากเหตุชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ซึ่งกรณีนายสุเทพเข้าให้ปากคำนานกว่า 10 ชั่วโมง โดยเสร็จสิ้นในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 28 สิงหาคม โดยนายสุเทพให้สัมภาษณ์ในทันทีที่ให้ปากคำเสร็จสิ้นลงว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอถามเยอะ และได้นำคลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนราชดำเนิน ตอนกลางวันมาให้ดูและบอกว่าเป็นคลิปที่แสดงให้เห็นว่า ทหารยิงคนเสื้อแดง และตนได้ตอบไปว่าไม่เคยเห็นมาก่อน

@ ไม่เซ็นรับยิงคนตาย

นาย สุเทพกล่าวต่อว่า การยิงและมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 10 เมษายน 2553 ดังนั้น เมื่อดีเอสไอนำเอกสารการยอมรับมาให้เซ็นชื่อรับรอง จึงไม่ได้เซ็นชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าว คลิปที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอนำมาให้ดู ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ พนักงานสอบสวนอ้างว่าเป็นคลิปนำมาจากยูทูบ เป็นภาพเหตุการณ์ตอนกลางวัน มีเจ้าหน้าที่ทหารถือปืนเอ็ม 16 และปืนทราโว และในภาพไม่เห็นผู้เสียชีวิต ส่วนวันเวลาที่ระบุอยู่ในคลิปไม่ได้สังเกตเนื่องจากให้ดูช่วงดึกแล้ว นอกจากนั้นตนได้นำคำสั่งที่ลงนามทั้งหมดให้ พนักงานสอบสวนได้สอบถามว่านายอภิสิทธิ์เข้ามาสั่งการ ศอฉ.หรือไม่ ตนชี้แจงว่า อดีตนายกฯมีภารกิจมาก ได้มอบหมายคำสั่งในเชิงนโยบาย ซึ่งตนในฐานะ ผอ.ศอฉ.จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ในขณะนั้นอย่างไร งานใน ศอฉ.นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกคำสั่งใน ศอฉ.ตนเป็นผู้ลงนามเอง

@ ยันคดีชายชุดดำอยู่ในศาล

"เรื่อง ชายชุดดำ ที่ผมนำคลิปมาชี้แจง พนักงานสอบสวนถามผมว่า หากมีชายชุดดำเข้าร่วมจริง มีผู้ก่อการร้ายใช้อาวุธทำร้ายประชาชน ไม่เห็นเจ้าหน้าที่จับใครได้สักคน ผมเลยตอบเขาว่า คุณถามผมเหมือนกับเสื้อแดงเขียนคำถามให้มาถามผมเลย ผมก็อธิบายให้เขาฟังว่าชายชุดดำมีจริง และดีเอสไอได้ส่งฟ้องศาลแล้วขณะนี้คดี อยู่ที่ศาล หากมีคนตายอยู่ในพื้นที่ควบคุมของผู้ชุมนุมจริงเราจะทราบว่าเขาตายก็ต่อ เมื่อได้รับแจ้งจากศูนย์นเรนทรของกระทรวงสาธารณสุข และหากผู้ตายเป็นผู้ก่อการร้ายชุดดำจริง อาจจะมีคนปลดอาวุธให้เขาไปหมดแล้วก่อนจะนำส่งโรงพยาบาล" นายสุเทพกล่าว

นาย สุเทพกล่าวอีกว่า ในคดีก่อการร้ายที่ดีเอสไอสอบสวนเสร็จจนส่งอัยการ มีผู้ต้องหา 26 คน โดยจำนวนนั้นมีหลายคนเป็นผู้ก่อการร้ายและเป็นชายชุดดำ หลายคนให้การรับสารภาพว่าได้รับการฝึกอาวุธจากต่างประเทศ เป็นกลุ่มนักรบพระเจ้าตาก และยังเอาปืนทราโวยิงใส่โรงแรมดุสิตธานี บางคนเอาปืนเอ็ม 79 ไปยิงที่นั่นที่นี่ มีอยู่ในรายงานของดีเอสไออยู่แล้ว แต่การที่พนักงานสอบสวนชุดนี้ระบุว่าไม่มีข้อมูลชายชุดดำ เข้าใจว่าพนักงานสอบสวนชุดนี้เป็นคนละชุดกับที่เคยมีการสอบสวนไว้เดิม

@ สอบสวนนานกว่า10ชม.

ผู้ สื่อข่าวถามว่า ยังเชื่อมั่นในการทำงานของดีเอสไอหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เชื่อมั่นในระบบ และองค์กร ส่วนตัวบุคคลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หัวหน้าพนักงานสอบสวนถามว่าตนเคยมีเรื่องโกรธแค้นใครใน ศอฉ.หรือไม่ จึงได้ตอบไปว่าในอดีตไม่เคยโกรธเคืองใคร แต่ในอนาคตไม่แน่

ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่า นายสุเทพเดินทางมาถึงดีเอสไอก่อนเวลานัด รวมใช้เวลาอยู่ที่ดีเอสไอทั้งสิ้น 13 ชั่วโมง ขณะที่ใช้เวลาในการสอบปากคำนานเกือบ 10 ชั่วโมงและภายหลังให้ปากคำแล้วเสร็จเดินออกมาพบนักข่าวยังรอสัมภาษณ์ และสอบถามถึงสาเหตุที่ใช้เวลาสอบปากค่อนข้างนาน นายสุเทพพูดว่า "ชีวิตก็เป็นอย่างนี้เอง"

@ สอบพลซุ่มยิง29ส.ค.

พ.ต.อ. ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายอภิสิทธิ์และนาย สุเทพ อย่างครบถ้วน ไม่มีประเด็นใดต้องที่จะต้องซักถามเพิ่มเติม โดยการสอบปากคำเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พนักงานสอบสวนได้ตั้งประเด็นคำถามครอบคลุมถึง 40 คำถาม ซึ่งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพตอบด้วยตนเองอย่างครบถ้วน

พ.ต.อ. ประเวศน์กล่าวอีกว่า ระหว่างการสอบปากคำเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ได้นำคลิปภาพบุคคลแต่งชุดทหารยิงใส่ประชาชนช่วงเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 ที่เผยแพร่ในยูทูบมาให้นายสุเทพดู ซึ่งนายสุเทพก็บอกว่าไม่เคยเห็นภาพดังกล่าว หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะพิจารณาว่าบุคคลใดบ้างที่มีความจำเป็นต้องเรียก มาสอบเพิ่มตามคำให้การของนายสุเทพ ที่ระบุว่ามีบุคคลเกี่ยวข้องในการร่วมลงมติของ ศอฉ. เช่น นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช. หรือแม้กระทั่งนายธาริต อธิบดีดีเอสไอ แต่ขอย้ำว่าขึ้นอยู่กับความจำเป็นทางคดีที่เกี่ยวข้องจริง

พ.ต.อ. ประเวศน์กล่าวว่า สำหรับบรรยากาศ ไม่ได้ตึงเครียด ตอบข้อซักถามคล้ายๆ กับการอภิปรายในสภา การสอบปากคำนายสุเทพใช้ระยะเวลายาวนานกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งเริ่มสอบปากคำตั้งแต่ 14.00 น. ของวันที่ 27 สิงหาคม กระทั่งเวลา 01.00 น. วันที่ 28 สิงหาคม เมื่อพิมพ์เอกสารคำให้การเสร็จสิ้น นายสุเทพขอเวลาในการอ่านทบทวนคำให้การอีกครั้งและลงนามรับรองคำการให้จำนวน 600 หน้ากระดาษ โดยเป็นคำให้การ 20 หน้ากระดาษ แต่ต้องเซ็นชื่อรับรองอีก 30 ชุด เพื่อใช้ประกอบ 30 สำนวนคดี ซึ่งนายสุเทพต้องเซ็นซื่อทุกแผ่น โดยรวมใช้เวลา 2 ชั่วโมง ก่อนทางกลับออกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 28 สิงหาคม

พ.ต.อ.ประเวศน์กล่าวอีกว่า ในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวน ได้เรียกให้พลซุ่มยิง 2 นาย เข้าให้การเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในจุดที่ได้รับมอบหมายให้เข้าประจำจุด

@ ′แม่น้องเกด′เร่งคดี

ที่ ทำเนียบรัฐบาล นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือ "น้องเกด" พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ช่วงการชุมนุมเดือนพฤษภาคม 2553 พร้อมด้วย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภาฯ 35 เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุชาติ ลายน้ำเงิน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

นายอดุลย์กล่าวว่า ต้องการติดตามการทำงานของรัฐบาลในการตรวจสอบข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน เพื่อให้เร่งดำเนินการ

@ ปชป.จวก′เหวง′ลืมอดีต

ที่ พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณี นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ออกมาถามหาคลิปวิดีโอชายชุดดำ ว่า นพ.เหวง น่าจะรับทราบว่ามีชายชุดดำอยู่ เพราะ นพ.เหวง เป็นผู้ต้องหา ลำดับที่ 5 ในคดีก่อการร้ายที่มีชายชุดดำรวมอยู่ด้วย ดังนั้น นพ.เหวงจะบอกไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวนนท์ ได้เปิดคลิปวิดีโอการปราศรัยบนเวทีของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ที่กล่าวปราศรัยว่า "มีกลุ่มกองกำลัง พร้อมที่จะเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพ" และได้เปิดภาพถ่ายที่มีชายชุดดำยืนอยู่ด้านหลังนพ.เหวง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมอยู่ด้วย

@ ′บิ๊กป๊อก′เลื่อนให้การ

วัน เดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพ คดีหมายเลขดำ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ชาวจังหวัดยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อทำคำสั่ง แสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด สาเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ซึ่งนายพัน ถูกยิงเสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่บริเวณราชประสงค์

โดยเมื่อถึงเวลา ปรากฏว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 อดีต ผบ. พล.1 รอ. พยานที่ทนายความขอให้ศาลออกหมายเรียกมาไต่สวน ไม่ได้เดินทางมาศาล โดย พล.อ.อนุพงษ์ ได้ยื่นหนังสือแจ้งศาลว่า เพิ่งได้รับหมายเรียกและติดภารกิจไม่สามารถเดินทางมาได้ ส่วน พล.อ.คณิต ยื่นหนังสือแจ้งว่า ติดภารกิจราชการต้องเดินทางไปประเทศเคนยาระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม-4 กันยายนนี้ ส่วน พล.ท.กัมปนาท ไม่ได้แจ้งเหตุผล

ศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ไต่สวนพยานคดีนี้ ที่ผ่านมาเพียงพอที่จะทำคำสั่งแล้ว จึงนัดไต่สวนพยานที่นัดไว้แล้วในวันที่ 30 สิงหาคม นี้เวลา 09.00 น.

@ ′เฉลิม′ห่วง′หมอตุลย์′

ที่ ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งจากตำรวจในท้องที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี ขับรถไปจอดที่ชั้น 4 รพ.จุฬาฯ จากนั้นเวลา 15.00 น. มีถุงพลาสติกแขวนอยู่ที่กระจกมองข้างด้านขวาของรถ นพ.ตุลย์ ซึ่ง นพ.ตุลย์นั้นได้หยิบมาแล้วโยนลงพื้น จากนั้นได้ขับลงมาแล้วบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลให้ไปตรวจ สอบดู ปรากฏว่า เป็นระเบิดชนิดเอ็มเค 2 อยู่ในสภาพพร้อมติดระเบิด แต่โชคดีที่ไม่ระเบิด เบื้องต้นตนมีความเป็นห่วงใย และได้กำชับตำรวจในพื้นที่แล้ว แต่ไม่กล้าพูดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์อย่างใด

@ ไม่มีวงจรปิดในลานจอด

เมื่อ เวลา 12.00 น. พ.ต.ท.สรกานต์ ดำกระบี่ สว.สส.สน.ปทุมวัน เปิดเผยถึงความ คืบหน้าว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บริเวณลานจอดรถและ โดยรอบที่เกิดเหตุแล้ว แต่ภายในที่จอดรถชั้น 4 ที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรทำให้ไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้ โดยที่ลานจอดรถมีกล้องวงจรปิดเพียงแค่ทางเข้าออกเท่านั้น ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ กองพิสูจน์หลักฐานทำการเก็บรอยนิ้วมือแฝง ของคนร้ายบนรถยนต์และระเบิดแล้ว กำลังอยู่ระหว่างรอผลตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย คาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 3 วันถึงจะ รู้ผล

@ ชี้แค่ข่มขู่ไม่หวังบึ้ม

พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) บก.สปพ. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบลูกระเบิดชนิดเอ็มเค 2 พบว่า สายไฟและถ่ายไฟฉายที่คนร้ายต่อกับระเบิดนั้น เป็นการต่อวงจรแบบหลอกๆ เพราะระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดสังหารชนิดแบบขว้าง ไม่จำเป็นต้องประกอบวงจร แต่ว่าระเบิดลูกนี้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน แต่คนร้ายบรรจุระเบิดอยู่ในกล่องอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้สลักระเบิดหลุด ออกมา จึงคาดว่าคนร้ายคงไม่ต้องการให้เกิดระเบิดและมีความเสียหายเกิดขึ้น คงเพียงแค่มีเจตนาข่มขู่เท่านั้น จากการตรวจสอบซีรีส์นัมเบอร์บนตัวระเบิดพบว่าถูกขูดออกไป ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1346207603&grpid=&catid=01&subcatid=0100
 

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำต่อคำ บิ๊กโอ๋สุกำพล แถลงข่าว ย้ำมีสิทธิ์เด้งปลัดกห. 28สค.55

รมว.กห.บอกนขต.ปลัดกห.เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องน่าอาย ของกลาโหม ลูกผู้ชายมีไรต้องคุยกันอย่ามีก๊กก๊วนครอบครัวไม่ยุ่งเกี่ยว ผมคุยง่าย ยีดพรบกห.    เหมือนทีมฟุตบอล ต้องเปลี่ยนโค้ช ให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ผมเป็นผู้ร้าย2วันผมก้าวก่าย  เป็นเรื่องน่าอายของกห. ผมแถลงครั้งเดียวพอ จะไม่ตอบอีก    ความลับถกโผทหารพี่น้องคุยกันได้ไม่แอบทำอะไร ทหารต้องเด็ดขาดไม่งั้นปกครองไม่ได้ รอบคอบ มีคนให้กำลังใจแต่ไม่ดีใจเรื่องน่าอาย พล.อ.อ.สุกำพลรมวกห.เชื่อจะไม่ต้องทำแบบนี้อีก หากใครซ้ำรอยพิจารณาcase by case ผบ.เหล่าทัพน่ารักไม่มีปัญหา ทำงานกันได้ คุยพี่น้องไม่เคยทุบโต๊ะ บิ๊กโอ๋ บอกพร้อมเคลียร์ใจหาก พล.อ.เสถียร พล.อ.ชาตรี พล.อ.พิณภาษณ์ ขอพบพูดคุยเชื่อฟ้องไม่ได้ถูกกม.ก่อนเซนต์คิดแล้วรอบคอบมั่นใจ แม้ไม่อยากทำ รมว.กห.บอกลงนามคำสั่งมอบหมายงานให้3 พลเอก แต่ไม่รู้ไปรายงานตัวและส่งมอบงานหรือยังคาดไม่มีปัญหาเป็นทหารที่ดี
โผทหารจบ..พล.อ.อ.สุกำพล บอกประชุมบอร์ดย้ายทหารตามพรบ.กห.ในสัปดาห์นี้ โผทหารจบ ให้ พล.อ.วิทวัส รักษาการโหวต แทน พล.อ.เสถียร โหวต6เสียง ผมก็แค่เสียงเดียว เอาพล.อ.ทนงศักดิ์เป็นปลัดกห. หรือไม่...ผบ.เหล่าทัพจะหนาวมั้ย....บื๊กโอ๋ ไม่ยืนยันมีย้ายแบบนี้ออีกหรือไม่ จะดูเป็นกรณีๆไป case by case
อีกคำสั่ง....เพื่อให้ดูว่ามความจำเป็นต้อให้มาช่วยราชการ และให้มีงานทำ..พล.อ.อ.สุกำพล รมว.กห.เซนต์สั่งให้ พล.อ.เสถียร พล.อ.พิณภาษณ์ รับผิดชอบงานยุทธศาสตร์มั่นคง-ไฟใต้ ส่วน พล.อ.ชาตรี ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยพิบัติ ก่อนแถลงข่าว นักข่าไทย-เทศ รอล้น
วงล้อมนักข่าว....รอรมว.กห.แถลง

พล.อ.อ.สุกำพล และพล.อ.วิทวัส รองปลัดกห.และรักษาการปลัดกห.หารือกันก่อนเข้าประชุมหน่วยขึ้นตรง กลาโหม แล้วจะแถลงข่าว
พล.อ.อ.สุกำพล แถลงพร้อมพล.อ.วิทวัส รักษาการปลัดกห.ขึงขัง เสียงเข้มยันเป็นทหารต้องเด็ดขาด @WassanaNanuam

DSI สอบ'มาร์ค-เทือก'เครียด นานกว่า10ชม.


เมื่อวานนี้(27 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะได้เข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ  เกี่ยวกับการสลายการชุมนุม เมื่อปี2553 นานกว่า  7 ชั่วโมง โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เดินทางออกจากห้องพนักงานสอบสวนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมเปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า ได้ให้ข้อมูลกับดีเอสไอตามความเป็นจริง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนไม่ติดใจเกี่ยวการชี้แจง โดยหลังจากนี้จะกลับไปดูรายละเอียดว่าต้องนำเอกสารและข้อมูลมาเพิ่มเติมหรือ ไม่ และเดินทางกลับในทันที

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนต่อในฐานะพยาน เนื่องจากดำรงค์ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ในขณะนั้น โดยใช้พนักงานสอบสวนชุดเดียวกัน ซึ่งใช้เวลานานกว่า 10 ชั่วโมง เปิดเผยว่า  ยืนยันว่าชายชุดดำนั้นมีอยู่จริง ซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 26 คน ในคดีก่อการร้าย ซึ่งมีพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย และเรื่องชายชุดดำนี้ได้สรุปสำนวนฟ้องศาลไปแล้ว

ในเรื่องวีดีโอคลิปที่พนักงานสอบสวนนำมาให้ดูว่าเป็นการยิงของเจ้าหน้าที่ใน การสลายการชุมนุมนั้น ตนปฏิเสธไม่ยอมรับหลักฐานดังกล่าว เนื่องจากวันนั้นไม่พบรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมทั้งไม่มีรายงานการใช้อาวุธยิงใส่ประชาชน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ หรือสั่งการการทำงานของ ศอฉ. เป็นเพียงผู้ให้นโยบายเท่านั้น ส่วนตัวได้ทำใจไว้แล้วว่าต้องเจอกรณีแบบนี้ แต่ก็ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยได้รวมข้อเท็จจริง ทั้งเอกสารหลักฐาน รูปภาพ มาให้พนักงานสอบสวนอย่างครบถ้วน และได้ให้การทุกอย่างตามความเป็นจริง
 http://www.springnewstv.tv/news/politics/18141.html

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำสั่งประวัติศาสตร์...ย้ายยกพวงกห. "สุกำพล" สั่งย้ายรวด ปลัด-รองปลัด-เจ้ากรมเสมียนตรา

โยกย้าย นายทหาร ทำไม ต้องถึง องคมนตรี
-----------------------------
การที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ เดินทางเข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และฝากบัญชีรายชื่อโยกย้ายและแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมไปให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นเรื่องที่ยากจะทำความเข้าใจได้อย่างปกติ ธรรมดา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1346043956&grpid=01&catid=12&subcatid=1200
คำสั่งประวัติศาสตร์...ย้ายยกพวงกห.
เผยคำสั่งกหที่383/55เรื่องให้นายทหารปฏิบัติราชการแล้วเพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยอาศัยอำนาจตามพรบ.กลาโหมปี51ให้พลอ.เสถียร
เผยคำสั่งย้าย 3 พลเอก 34 วัน27สค.-30กย.จนเกษียณ ให้ส่งมอบหน้าที่ทันที @WassanaNanuam
พลอ.เสถียรยอมเสียสละทำในสิ่งถูกต้อง แม้ชีวิต ทำตามกม.ทำแล้วก็ยอมรับสภาพอีกหน่อยผบ.เหล่าทัพก็โดนเหมือนกัน@WassanaNanuam
WassanaNanuam - พลออ.สุกำพลขอชี้แจงอังคารนี้ไม่พูดเรื่องย้ายพล.อ.เสถียรพ้นปลัดกห.ออกจากกห.หลังลงนามย้ายฟ้าผ่าไม่ตอบอาจถูกฟ้อง,เหตุผลใด
 

twitter

ห้องแชทKonthaiuk