PEACE TV LIVE

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

เมื่อณัฐวุฒิ กวีซีไพร่ ตอบโต้บทกวี เนาวรัตน์ กวีซีไรต์

ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำนปช. เขียนบทกวีเรื่อง "เย็น" โดยกวีซีไพร่ เพื่อตอบโต้บทกวีเรื่อง "ร้อน" ของนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์ ปี 2523 และแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ โดยกลอนทั้งสองบทได้รับการเผยแพร่อย่างแพร่หลายในโลกไซเบอร์ เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน ดังนี้

"ร้อน"
โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

@ ร้อนไฟใต้ไหม้ลามที่ด้ามขวาน
ร้อนตำนานกร้านศึกจารึกสมัย
ร้อนที่ยังไม่ระงับไม่ดับไฟ
ร้อนที่รุมสุมไหม้ประชาชน

@ร้อนโกดังข้าวทำจำนำเน่า
ร้อนที่ยังสั่งเข้าข้าวปี้ป่น
ร้อนที่กินข้าวย้อมข้าวปลอมปน
ร้อนกระเป๋ารั่วจนขอดก้นคลัง

@ร้อนตัวเลขเงินกู้บู๊ล้างผลาญ
ร้อนเป็นล้านล้านทะลายขายความหวัง
ร้อนชาตินี้ใช้หนี้ชาติหน้ายัง
ร้อนเรื้อรังอาละวาดถึงชาติโน้น

@ร้อนกฎหมายร้อนร้อนไม่ผ่อนเพลา
ร้อนเหมือนเข้าเครื่องบังคับจับเต้นโขน
ร้อนปรองดองปองดูน้องปูโดน
ร้อนตุ้มเป๊ะเตะกระโถนโดนตะเกียง

@ร้อนอำนาจบาตรใหญ่ใช้บาตรทุ่ม
ร้อนเพราะอุ้มจงอางอย่างสุ่มเสี่ยง
ร้อนเพราะคอยแต่ฟังคนข้างเคียง
ร้อนเพราะไม่ฟังเสียงประชาชน!

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
พฤหัสบดี ที่ 28 มี.ค. 2556

********************

"เย็น" (เผื่อดับร้อนได้บ้างครับ)

@เย็นจากปลายด้ามขวานงานคืบหน้า
เย็นด้วยวงเจรจาหาเหตุผล
เย็นด้วยรัฐเคียงข้างประชาชน
เย็นน้ำใจดั่งฝนช่วยดับไฟ

@เย็นมีจำนำข้าวรายได้เพิ่ม
เย็นเงินเติมกระเป๋าตุงทุ่งสดใส
เย็นภาษีขยายตัวจากภายใน
เย็นลืมตาอ้าปากได้แล้วชาวนา

@เย็นลงทุนครั้งใหญ่ใช้สร้างชาติ
เย็นความหวังเคยวาดสมปรารถนา
เย็นขนส่งทั้งบกน้ำกำลังมา
เย็นไม่เสียเวลาตั้งตาคอย

@เย็นแก้รัฐธรรมนูญเครื่องหมุนแล้ว
เย็นดวงแก้ว′ ธิปไตย ไม่เกินสอย
เย็นทุกข้อกล่าวหาล้วนหลักลอย
เย็นหิ่งห้อยจะส่องแสงด้วยแรงตน

@เย็นอำนาจนอกระบบต้องหลบหน้า
เย็นหางเครื่องอำมาตยายังสับสน
เย็นจับใจเพราะรับใช้ประชาชน
เย็นเพราะเดินบนถนนประชาธิปไตย

ณัฐวุฒิใสยเกื้อ
กวีซีไพร่

(@ khaosod )

ขอบคุณรูปจาก หมออั้ม



นโยบายจากพรรคไทยรักไทย 2544-2549



นโยบายจากพรรคไทยรักไทย 2544-2549

1.จัดระเบียบสังคม สถานบริการ
2.จัดระเบียบจราจร-หักคะแนน ยกเลิกใบอนุญาตตลอดชีพ
3.จัดระเบียบมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
4.จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ขึ้นทะเบียนแรงงานเถื่อนให้ถูกกฏหมาย
5.โครงการ ประดับธงชาติไทย แต่งเพลงชาติใหม่
6.ต่อยอดการพัฒนา มาตรฐาน Thailand Brand (สานต่อนโยบายรัฐบาลก่อน)
7.ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มาเฟีย
8.สงครามยาเสพติด
9.ยกเลิกหนี้ IMF
10.พักชำระหนี้เกษตรกร

11.กองทุนหมู่บ้าน
12.SML / SME
13.หน่วยราชการ one stop service
14.ผู้ว่า CEO
15.ฑูต CEO
16.โครงการ National Museum (ต้นแบบคือ Smithsonian)
17.สำนักงานศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC
18.อุทยานการเรียนรู้ TK PARK
19.กรุงเทพเมืองแฟชั่น
20.ครัวไทยสู่ครัวโลก

21.ศูนย์กลางสุขภาพของโลก
22.แปลงสินทรัพย์เป็นทุน (แนวคิด เดอ โซโต้ )
23.หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP
24.กองทุนวายุภักดิ์
25.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 30 บาท รักษาทุกโรค
26.Event-ลดราคารถไฟฟ้า 15 บาทตลอดสาย
27.Event-เชิญนักคิด ปาฏกฐาThailand's Competitivenessโดย Michael E. Porter 4พค46
28.Event-โครงการอบรมข้าราชการระดับสูง เชิญนักวิชาการต่างประเทศมาสอน
29.Event-ความร่วมมืออุตสาหกรรมไอที รัฐบาลไทยกับไมโครซอฟท์ ปาฐกฐาโดย Bill Gates มิย.48
30.โครงการ นายกทักษิณแนะนำ หนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน

31.แผนศึกษา รถไฟฟ้ากรุงเทพและปริมณฑล 10 สาย 370 กิโลเมตร
32.โครงการก่อสร้างสนามบินแห่งชาติ สุวรรณภูมิ ศูนย์กลางการบินอาเซียน
33.โครงการก่อสร้างทางรถไฟ/รถไฟฟ้า Airport Link
34.โครงการสุวรรณภูมิมหานคร
35.โครงการทางยกระดับแหลมผักเบี้ย
36.โครงการเสนอจัดเอเชี่ยนเกมส์
37.โครงการไนท์ซาฟารี
38.โครงการกระเช้าลอยฟ้า ดอยหลวงเชียงดาว
39.จัดระเบียบเกมส์ออนไลน์
40.บ้านเอื้ออาทร

41.นักบินเอื้ออาทร
42.คอมพิวเตอร์เอื้ออาทร
43.แท๊กซี่เอื้ออาทร
44.ประกันชีวิตเอื้ออาทร
45.จักรยานเอื้ออาทร
46.นโยบายปรับปรุงโครงสร้างภาษี ปรับฐานภาษีเงินได้ +ลดภาษีลูกกตัญญู
47.แนวคิดการพัฒนาตลาดพันธบัตรร่วมเอเชีย Asian Bond
48.โครงการ Detroit of Asia ศูนย์กลางผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เอเซีย
49.โครงการอุทยานซอฟท์แวร์
50.ผลักดัน ให้เกิด ASEAN+3 อาเซียน+จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น

51.ความร่วมมือแห่งเอเซีย Asia Cooperation Dialogue (ACD)
52.Event ใหญ่ ประชุม APEC 2003
53.โครงการร่วมมือ พันธมิตรท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน
54.Unseen Thailand
55.ปฏิรูประบบสอบวัดผลความรู้เข้ามหาวิทยาลัย ONET-ANET
56.โครงการเงินทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา
57.นโยบายรับนักศึกษา หารายได้พิเศษ ปิดเทอม --- บริษัทต้องรับนักศึกษาฝึกงาน
58.โครงการพัฒนาส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทย์+เทคโนฯ (พสวท.)
59.หนึ่งโรงเรียน หนึ่งทุน ODOS (ทุนหวย)
60.หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม

61.โครงการบูรณาการการศึกษา แนวคิด Child Center
62.โครงการพัฒนานักออกแบบ และันักอนิเมชั่นไทย
63.โครงการ สินค้าเกษตรแลกเปลี่ยนรัฐต่อรัฐ
64.FTA จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย
65.โคล้านตัว
66.กล้ายางล้านต้น
67.ปล่อยเงินกู้รัฐบาลพม่า 4000 ล้าน
68.ส่งทหารไทยไปรักษาสันติภาพที่ประเทศอิรัก
69.โครงการ ทำระบบสื่อสาร CDMA
70.Privatization แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปตท ทอท กสท องค์การโทรศัพท์

71.ตลาดหลักทรัพย์ MAI
72.ตลาดสินค้าเกษตร AFET
73.ตลาดตราสารอนุพันธ์ TFEX
74.คณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ
75.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
76.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
77.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
78.อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ทุกตำบล
79.หนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน www.labschools.net
80.ศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ NGT www.ngt.go.th

81.จัดระเบียระบบราชการ ปฏิรูปกระทรวงทบวงกรม ตั้ง ก.พลังงาน ICT วัฒนธรรม ท่องเที่ยวกีฬา พัฒนาสังคม
ฯลฯ
82.โครงการเชื่อมฐานข้อมูลระบบราชการ E-government
83.โครงการปฏิรูปสถาบันการเงิน ควบรวมธนาคาร
84.แนวคิดสลาก หวยหุ้น Liverpool
85.หวยบนดิน 2-3 ตัว
86.โครงการหวยออนไลน์ (ตู้จำหน่ายสลาก)
87.ศึกษา Entertainment Complex คาสิโน เกาะช้าง
88.กองทุนน้ำมัน
89.โครงการเอทานอล พลังงานทดแทน
90.อีลีท การ์ด บัตรท่องเที่ยววีไอพี ใบละล้านบาท

91.โครงการสมาร์ทการ์ด ID card บัตรประชาชนใบเดียวรวมข้อมูลทุกอย่าง
92.EVENT- ปิดถนนคนเดิน (กระตุ้นท่องเที่ยวช่วงเทศกาล)
93.โครงการโรงรับจำนำข้าวเปลือก
94.แปรสัญญาโทรคมนาคม เตรียม กทช.เพื่อตั้ง กสช.
95.ส่งเสริม RMF LTF กองทุนรวมลดหย่อนภาษี
96.Event- รณรงค์ไทยช่วยไทย กินไก่+ไข่ไก่ปรุงสุข ป้องกันไข้หวัดนก ท้องสนามหลวง
97.โครงการเขตปลอดภาษี เมืองท่องเที่ยว
98.โครงการ ขยับกายสบายชีวี ออกกำลังกาย (สาธารณสุข)+Event แอโรบิคกินเนสบุ๊ค
99.โครงการฝากบ้านกับตำรวจ (เริ่ม 2546) ต่อยอด โครงการโรงพักเพื่อประชาชน
100.ธนาคารอิสลาม

101.โครงการธนาคารประชาชน
102.โครงการ ศูนย์แสดงสินค้า ไทยแลนด์ พลาซ่า นิวยอร์ค
103.ระบบประมูลงานราชการ E-Auction
104.Event - งาน พระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี
105.Event - งานพืชสวนโลก ราชพฤกษ์ 2006-2007
อ้างอิง
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=yuwasongnews&id=2251

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

ดูกันอีกครั้ง! แผนเงินกู้ 2 ล้านล้าน เกินครึ่งคือ "ไฮสปีดเทรน" 4 สายเพื่อไทย พาดผ่าน 21 จังหวัด


วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23:03:06 น.
 






ที่มาข่าว เปิดแนว "ไฮสปีดเทรน" 4 สายเพื่อไทย พาดผ่าน 21 จังหวัด เชื่อม "กทม.-หัวเมืองหลัก" นสพ.ประชาชาติธุรกิจ


เป็นที่แน่ชัดว่า
แผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทกว่า 80% ของเม็ดเงินลงทุนทั้งหมด จะถมโครงการระบบรางทั้ง "รถไฟความเร็วสูง-รถไฟทางคู่-รถไฟฟ้า"

4 สายทางลงทุน 7.5 แสนล้าน

ความ คืบหน้า "รถไฟฟ้า-รถไฟทางคู่" ได้ข้อยุติ ยกเว้น...โปรเจ็กต์รถไฟความเร็วสูง 4 สายทาง เชื่อม "กรุงเทพฯ" ไปยังหัวเมืองใหญ่ 4 ภูมิภาค พาดผ่านพื้นที่ 21 จังหวัด ครอบคลุมภาคเหนือ กลาง ตะวันออก ตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ และกรุงเทพฯ ระยะทางรวม 1,447 กม. ภายใต้กรอบลงทุน 753,105 ล้านบาท

จำแนกเป็นสาย กทม.-เชียงใหม่ ระยะทาง 745 กม. วงเงิน 387,821 ล้านบาท สาย กทม.-นครราชสีมา 256 กม. 140,855 ล้านบาท สาย กทม.-หัวหิน 225 กม. 123,798 ล้านบาท และสายต่อเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ-พัทยา-ระยอง 221 กม. 100,631 ล้านบาท

ล่า สุด วงเงินลงทุนมีแนวโน้มปรับเพิ่มกว่า 100,000 ล้านบาท เมื่อแนวสายไปภาคอีสานทางนายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" สั่ง "คมนาคม" เจ้าภาพคัดสรรบัญชีโครงการ ขีดเส้นทางลากยาวไปถึง "หนองคาย" เชื่อมไฮสปีดเทรนไทยทะลุ "นครเวียงจันทน์" ที่ประเทศจีนลงทุนสร้างรออยู่ที่ฝั่ง สปป.ลาว และกำลังลงมือก่อสร้างในเร็ว ๆ นี้

ส่วนสายที่เหลือ "กทม.-เชียงใหม่" และ "กทม.-หัวหิน" ยังคงเดิม รอเคาะแนวสายทางให้ชัดเจนเดือน พ.ค.นี้ ส่วนสาย "กทม.-พัทยา-ระยอง" เพิ่งเริ่มต้นศึกษา





ลุ้นช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่

โฟกัส รายละเอียด เริ่มจากภาคเหนือ "กทม.-เชียงใหม่" ทาง "รัฐบาลเพื่อไทย" อยากแจ้งเกิดโดยเร็ว แต่ข้อจำกัดของพื้นที่จึงไม่ง่ายที่จะสร้างได้หมดทั้งโครงการ

แหล่ง ข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ความเป็นไปได้สูงของสายเหนือ ในเฟสแรกจะเกิดก่อนคือช่วง "กทม.-พิษณุโลก" ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ส่วน "พิษณุโลก-เชียงใหม่" อาจจะต้องรออีไอเอ เนื่องจากตัดผ่านภูเขาจะต้องเจาะทะลุสร้างเป็นอุโมงค์ลอดเขาไป

"ตอน นี้เพิ่มแนวทางเลือกช่วงอุตรดิตถ์ไปเชียงใหม่ ตัดตรงมาสุโขทัย ผ่านศรีสัชนาลัยขึ้นไป เพราะจะผ่านภูเขาน้อยกว่าแนวรถไฟเดิม ซึ่งตรงกับแนวคิดนายกฯด้วย"

เปิด 5 ออปชั่น "สายเหนือ"

สำหรับ 5 แนวทางตามที่บริษัทที่ปรึกษาเสนอ ใช้ค่าก่อสร้าง+เวนคืนกว่า 400,000 ล้านบาท แนวที่ 1 ใช้แนวเขตทางรถไฟเดิมเป็นหลัก ความยาว 676 กม. มี 12 สถานี ได้แก่ บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เด่นชัย ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ เวนคืน 3,043 ไร่ 910 แปลง ค่าเวนคืน 3,651 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 429,886 ล้านบาท รวม 433,537 ล้านบาท

แนว ที่ 2 ปรับแนวเส้นทางให้สั้นลง มี 11 สถานี โดย 5 สถานีแรก "บางซื่อ-นครสวรรค์" คงเดิม ปรับเส้นทางเพิ่ม "สถานีสุโขทัย ศรีสัชนาลัย" แทน "อุตรดิตถ์ เด่นชัย" และตัดสถานีพิจิตรออกไป ความยาว 631 กม. เวนคืน 10,249 ไร่ 3,070 แปลง ค่าเวนคืน 12,298 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 414,776 ล้านบาท รวม 427,075 ล้านบาท

ทางเลือกที่ 5 เจ๋งสุด

แนว ที่ 3 เป็นแนวตัดใหม่ ตัดตรงจากอยุธยาเข้านครสวรรค์ โดยไม่เข้า จ.ลพบุรี จากนั้นแนวเส้นทางจะวิ่งตรงจากนครสรรค์ไปสุโขทัย เข้าลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ประมาณ 607 กม. มี 10 สถานีคือ บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ เวนคืน 13,856 ไร่ 4,160 แปลง ค่าเวนคืน 16,627 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 395,024 ล้านบาท รวม 411,652 ล้านบาท

แนว ที่ 4 เป็นแนวตัดใหม่ อยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา วิ่งเข้าด้านตะวันออกของทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ จากนั้นวิ่งเข้าเมืองสุโขทัยสิ้นสุดที่เชียงใหม่ 594 กิโลเมตร มี 10 สถานีคือ บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย เชียงใหม่ เวนคืน 13,856 ไร่ 4,160 แปลง ค่าเวนคืน 16,627 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 392,592 ล้านบาท รวม 409,220 ล้านบาท

และ แนวที่ 5 นำแนวเส้นทางที่ 1+2 ความยาว 661 กม. มี 12 สถานีคือ บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ศรีสัชนาลัย ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ เวนคืน 5,835 ไร่ 1,750 แปลง ค่าเวนคืน 7,002 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 404,426 ล้านบาท รวม 411,427 ล้านบาท ซึ่งแนวนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด

ปรับใหม่ "กทม.-หัวหิน"

สำหรับ สาย "กทม.-หัวหิน" หลังบริษัทที่ปรึกษาคัดแนวทางรถไฟล่องใต้สายเดิม ล่าสุดแนวเส้นทางจะเริ่มจากบางซื่อวิ่งไปตามแนวรถไฟเดิม แต่จะปรับแนวใหม่ช่วง "ปากท่อ-เพชรบุรี" ให้เป็นทางตรง

จากแยก "นครชัยศรี" ไปถึง "เพชรบุรี" จะใช้แนวมอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ จากนั้นจะใช้แนวถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าไปยัง "สถานีหัวหิน" เพื่อเลี่ยงการเวนคืนที่ดิน จากเดิมจะเลาะไปตามแนวรถไฟเดิมที่ต้องเข้าไปที่บ้านโป่งและตัวเมืองเพชรบุรี ทำให้ระยะทางสั้นลงจากเดิม 225 กม. เหลือประมาณ 190 กม. ส่วนงบฯก่อสร้างถูกลงจาก 123,798 ล้านบาท เหลือกว่า 110,000 ล้านบาท เวนคืน 250 ไร่ 1,500 แปลง ค่าเวนคืน 9,600 ล้านบาท

ด้านตำแหน่งสถานีจะตัดออก 2 สถานีคือ "นครปฐม-ราชบุรี" ส่วนจำนวนยังเท่าเดิม 5 สถานี มีบางซื่อ นครชัยศรี ปากท่อใหม่ เพชรบุรี หัวหิน

"ที่ ปรับมาใช้แนวเดียวกับมอเตอร์เวย์เพราะผ่านอีไอเอแล้ว ส่วนตำแหน่งสถานียังไม่สรุป แต่สถานีหัวหินจะขยับตำแหน่งใหม่ไม่ใช่สถานีเดิม โดยจะร่นระยะทางมาใกล้กับแยกหินเหล็กไฟ" แหล่งข่าวกล่าว

อีสานขยายถึง "หนองคาย"

ด้าน สาย "กทม.-นครราชสีมา" 256 กม. แหล่งข่าวกล่าวว่า จุดเริ่มต้น "สถานีบางซื่อ" เมื่อเข้าสู่ "ชุมทางภาชี" ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีทางแยกไปยังสายภาคเหนือ เมื่อเข้า จ.สระบุรี ผ่าน อ.หนองแซง เมืองสระบุรี แก่งคอย มวกเหล็ก อ.วิหารแดง อาจจะปรับแนวช่วงบริเวณมวกเหล็กเพื่อลดผลกระทบที่จะผ่านเขตประทานบัตรการทำ เหมืองปูน 3 แห่งคือ โรงปูนอินทรี ปูนซิเมนต์ไทย และปูนทีพีไอ อีกทั้งใกล้พื้นที่ลุ่มน้ำ จากนั้นแนวเส้นทางจะเข้า จ.นครราชสีมา ผ่าน อ.สีคิ้ว ช่วงลำตะคอง

แต่เนื่องจากช่วง "กทม.-บ้านภาชี" 84 กม.ที่ใช้แนวร่วมกับสายเหนือก่อนจะฉีกตัวแยกมาตามทางรถไฟสายอีสาน ทำให้ในผลการศึกษาและออกแบบจะมี 3 ช่วงคือ ช่วงที่ 1 สถานีชุมทางบ้านภาชี-สถานีนครราชสีมา 168 กม. มี 3 สถานีคือ สถานีสระบุรี ปากช่อง นครราชสีมา ค่าก่อสร้าง 104,600 ล้านบาท

ช่วงที่ 2 สถานีนครราชสีมา-สถานีหนองคาย 356 กม. มีแผนจะสร้างในเฟส 2 มี 5 สถานีคือ สถานีบัวใหญ่ บ้านไผ่ ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ค่าก่อสร้าง 144,363 ล้านบาท แนวเส้นทางต่อจาก จ.นครราชสีมา ผ่าน อ.เมืองนครราชสีมา โนนสูง คง บัวใหญ่ บัวลาย

จากนั้นผ่าน จ.ขอนแก่น พื้นที่ 7 อำเภอคือ อ.พล เมืองขอนแก่น โนนศิลา น้ำพอง บ้านไผ่ เขาสวนกวาง บ้านแฮด ผ่าน จ.อุดรธานี พื้นที่ 5 อำเภอ มี อ.โนนสะอาด กุมภวาปี ประจักษ์ศิลปาคม เมืองอุดรธานี และ อ.เพ็ญ ก่อนเข้าสู่ จ.หนองคาย ผ่านพื้นที่ อ.สระใคร อ.เมืองหนองคาย

ลุ้นสายนำร่อง "กทม.-ภาชี"

และ ช่วงที่ 3 สถานีชุมทางแก่งคอย-สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา 100 กม. มี 2 สถานีคือ สถานีองครักษ์ สถานีฉะเชิงเทรา ค่าก่อสร้าง 63,290 ล้านบาท

สำหรับ สายนี้ จากนโยบาย "นายกฯยิ่งลักษณ์" ต้องการให้สร้างเชื่อมไปยัง สปป.ลาว ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ช่วง "นครราชสีมา-หนองคาย" อาจจะเริ่มก่อสร้างก่อนช่วงต้นที่ยังติดอีไอเอผ่านเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาและ พื้นที่สัมปทานบัตรโรงปูน 3 ค่ายยักษ์

แต่ทั้งหมดยังเป็นแผนงานที่ บรรจุในโครงการลงทุน 2 ล้านล้าน ในทางปฏิบัติจะเริ่มประมูลในปีนี้และก่อสร้างในปี 2557 ตามเป้าหมายได้หรือไม่ยังต้องจับตาดูกันต่อไป

รวมทั้งไฮสปีดเทรนสาย นำร่อง "กทม.-บ้านภาชี" 84 กม. ประกาศตัวว่าจะเกิดได้ก่อนใน 3 ปีนี้ จะชัวร์หรือมั่วนิ่ม...ก็ยังต้องลุ้นอีกเช่นกัน

 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364569495&grpid=03&catid=03&utm_source=Matichon&utm_medium=twitter

นายกฯยิ่งลักาณ์ ชี้แจ้ง เรื่องการขนส่งสินค้าเกษตรทางรถไฟความเร็วสูง


 Yingluck Shinawatra
 
ขอขยายความเข้าใจเพิ่มเติม เรื่องแนวคิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ในการนำประเด็นเรื่องการขนส่งสินค้าเกษตรทางรถไฟความเร็วสูง

การขนส่งสินค้าโดยรถไฟความเร็วสูงเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เศรษฐกิจเติบโตรองรับอนาคตและความเจริญ นอกจากนั้นยังเป็นการต่อยอดเศรษฐกิจสำหรับสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพที่ดี สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูง และผู้บริโภคได้รับสินค้าสินค้าที่สดใหม่ ไม่เน่าเสีย ในต่างประเทศถือเป็นเรื่องปกติในการส่งสินค้าเกษตรโดยใช้การขนส่งที่รวดเร็ว ตัวอย่างเช่น การขนส่งดอกไม้ด้วยเครื่องบิน (ซึ่งประเทศไทยทำมานานแล้ว) และในยุโรปก็ได้พัฒนาโครงการ Euro Carex (ยูโร แคเร็กซ์) โดยใช้รถไฟความเร็วสูงสำหรับขนถ่ายสินค้าโดยเฉพาะ ดังนั้น จึงไม่ใช่เป็นการวาดฝัน แต่เป็นจริงในหลายๆประเทศแล้ว และทำให้เกษตรกรสามารถส่งออกสินค้าเกษตรที่ต้องการมาตรฐานสูง ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ฯลฯ


รถไฟความเร็วสูงเป็นการเชื่อมโยงแหล่งการผลิตระดับท้องถิ่นภายในประเทศสู่ภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าทางการเกษตรในการส่งถึงตลาดและผู้บริโภค ตลอดจนเพื่อให้ผู้โดยสารโดยเฉพาะคนในต่างจังหวัดประหยัดเวลาในการเดินทางมาทำงานจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น


ดิฉันเห็นว่า การนำคำพูดของดิฉันไปบิดเบือนเพื่อใช้เป็นประเด็นทางการเมือง เหนือประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประชาชน เป็นเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ เป็นการดูถูกเกษตรกรที่ควรจะได้ลืมตาอ้าปากเสียที รถไฟความเร็วสูงจึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนไทยมีโอกาสอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=545242638853529&set=a.106877456023385.4057.105044319540032&type=1&theater
 

 

นายกฯยิ่งลักษณ์ ชี้แจ้ง ผ่าน เฟสบุ๊ค " ทำไมต้องมีการกู้เงินผ่าน พ.ร.บ. "

Liked · Yesterday


ทำไมต้องมีการกู้เงินผ่าน พ.ร.บ.

หลายคนมีข้อสงสัยว่าทำไมจึงต้องเป็นการกู้เงิน ผ่านการออกพระราชบัญญัติ แทนที่ จะดำเนินการผ่านกระบวนการงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ ดิฉันข้ออธิบายว่า

1) มีบทเรียนจากการที่ โครงการที่สำคัญขนาดใหญ่หลายโครงการถูกระงับ หรือชะงัก งันเมื่อมีปัญหาทางการเมือง

2) ระบบการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายที่ไม่เอื้อต่อการตั้งงบลงทุนที่ต่อเนื่อง ดังจะ เห็นได้จากตัวอย่างของสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเมื่อสร้างเสร็จเปิดใช้แล้ว กลับไม่ได้มี การลงทุนต่อเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การขาดการมองไปข้างหน้าทำให้เกิดการ พัฒนาที่ไล่หลังความเจริญ

3) ดิฉันมองว่าโครงการเหล่านี้เป็นโครงการของประชาชนที่จะสร้างอนาคตของ ลูกหลานของเรา จึงไม่ควรที่จะต้องถูกแปรเปลี่ยนเมื่อการเมืองมีความผันผวน และ การที่เราจะสร้างความเชื่อมั่นก็ต้องมีการวางแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมถึง แผนการพัฒนาที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงสถาณการณ์ การเมืองในขณะนี้

4) การลงทุนภายใต้วงเงิน 2 ล้านล้านนี้ยังจะมีการเสริมด้วยงบประมาณประจำปีและ งบลงทนุของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง เป็นการเปิดให้งบประมาณประจำปีมีมากพอใน การนำไปใช้ดูแลประชาชนในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสวัสดิการ หรือโครงการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในด้านอื่นๆ ตามนโยบายรัฐบาล
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=544805898897203&set=a.106877456023385.4057.105044319540032&type=1&theater




ความโหดเหี้ยมของเพื่อไทย!!!

ความโหดเหี้ยมของเพื่อไทย-พลังประชาชน-ไทยรักไทย คือความสามารถคิดนโยบายที่ในที่สุดทุกคนต้องนำไปปฏิบัติถึงขั้นแค่คิดจะเลิกก็ยังไม่ได้ ความน่าสงสารของฝ่ายต่อต้านเพื่อไทย-พลังประชาชน-ไทยรักไทย คือต่อให้จะวิจารณ์ฝ่ายโน้นเีพียงไร ในที่สุดก็ต้องเอานโยบายของฝ่ายที่ตัวเองเกลียดไปทำต่ออยู่ดี

ใครไม่เชื่อลองนึกถึงเรื่องสามส
ิบบาทรักษาทุกโรค รถไฟฟรี รถเมล์ฟรี หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ฯลฯ รวมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงที่กำล้งจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน

ความสามารถในการกำหนดวาระของนโย
บายสาธารณะเป็นเรื่องที่ฝ่ายเพื่อไทย-พลังประชาชน-ไทยรักไทย เหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างเทียบไม่ได้จริงๆ

เมื่อหม่อมเตานา ขอพูดแทนยิ่งลักษณ์ เรื่อง "ผักเน่า"

By Taona Sonakul  https://www.facebook.com/taona.sonakul
ขอ พูดแทนนายกยิ่งลักษณ์ค่ะ " ทุกท่านรู้ดีแก่ใจว่าดิฉันไม่ได้สร้างรถไฟความเร็วสูงเพียงเพื่อแค่ขนผักให้ ไม่เน่า ถ้าหากประโยคนี้ทำให้คนฉลาดมากมายที่นั่งดูอยู่เคืองใจและหลุดประเด็นจนไม่ สามารถเห็นภาพได้ว่าแผนการทั้งหมดนี้คือการลงทุนเพื่อปรับพื้นฐานของประเทศ ให้ดีขึ้น เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้ประโยชน์ไปพร้อมๆกัน มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ใจที่จะเปิดกว้างของแต่ละคน ที่จะเลือกและมีความสามารถที่จะต่อยอดจากปัจจัยพื้นฐานนี้ยิ่งๆขึ้นไปได้ ดิฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่ดิฉัน ต้องเลือกที่จะหาสิ้งที่จะมาอธิบายที่ดิฉันคิดว่าประชาชนทั่วไปจะเข้าใจได้ ง่ายที่สุด เพราะจินตนาการของผลที่จะเกิดขึ้นจากโครงการนี้ในระดับสูงๆ ลึกๆ กว้างๆต่อไป เป็นอะไรที่ดิฉันไม่อยากรีบอวดอ้าง และจินตนาการก็มักจะเป็นสิ่งที่เป็นความสามารถส่วนตัว เป็นทางเลือกและวิธีที่จะใช้ชีวิตของแต่และคน บางคนเลือกคิดต่อยอดแต่ด้านบวก บางคนก็คิดแต่อะไรที่จะสร้างแต่ความบั่นทอนในการใช้ชีวิต ดิฉันได้ตระหนักแล้วว่า ถ้าหากประชาชนคนใดมีความรังเกียจในตัวดิฉัน มีความเชื่อว่าดิฉันเป็นคนโง่ เป็นคนเลว เป็นน้องพ ต ท ทักษิณที่ไม่อาจให้อภัยได้ ดิฉันก็คงมิอาจจะสามารถหาคำใดในโลกมาอธิบายถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่เราจะ ต้องทำโครงการที่มีความต่อเนื่องระดับนี้แล้ว ดิฉันทราบดีว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าชอบ ว่าต้องการโครงการเหล่านี้ ปัญหาของท่านคือแค่ท่านไม่ชอบและจะไม่มีวันไว้ใจในดิฉัน แต่เนื่องจากดิฉันเป็นรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องมาจากเสียง ส่วนมาก ดิฉันจึงมิอาจวางแผนการสร้างโครงการนี้ขึ้นมาแล้วส่งต่อไปให้พรรค ปชป ทำแทนได้ค่ะ ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่เราจะทำสิ่ง เหล่านี้ เราเสียเวลามามากแล้ว ระบบพื้นฐานของประเทศไทยคือผักที่เน่าแล้วเน่าอีก ยิ่งทิ้งไว้ก็จะมีแต่ลามทำลายทั้งตัวเองและเพื่อนบ้าน ขอความกรูณาให้ดิฉันได้หยุดและโยนผักเน่าเหล่านี้ทิ้งซะในขณะที่รัฐมนตรี ชัชชาติยังหนุ่ม ยังแข็งแรงมีไฟ ทำงานได้เกินร้อยอยู่ ถ้าหากท่านเชื่อจริงๆว่ารัฐบาลอื่นๆจะสามารถหาและแต่งตั้ง คนอย่าง รมต ชัชชาติ ขึ้นมาเป็น รมต คมนาคม ได้ เพื่อทำงานตรงจุดนี้เพื่อพวกท่านอย่างดีที่สุดได้ ก็ขอรบกวนให้พวกท่านถามตัวเองสักนิดว่า เหตุใดเหตุการณ์ โครงการ และคนที่เหมาะสมในการทำงาน แบบที่ดิฉันได้จัดวางมานี้จึงไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว ขอโอกาสให้พวกเราได้ทำงานเถอะค่ะ ผักหนะเน่าและถูกกองทิ้งไว้มานานแล้ว อย่าปล่อยให้มันมากวนใจเราอีกเลย มาเริ่มต้นใหม่กันเถอะค่ะ"
 

พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างอนาคตประเทศ Thailand 2020






"Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก" คนไทยจะได้หรือเสีย?




การจัดงาน "Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก" ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 8-16 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ จ.นนทบุรี  มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงเหตุผลความจำเป็น รวมทั้งผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ ฐาน ในทศวรรษหน้า ด้วยวงเงินงบประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจะเป็นการเพิ่มภาระหนี้สาธารณะให้ประเทศเพิ่มขึ้น หรือไม่ คนไทยจะได้อะไร ใครจะเสียผลประโยชน์ ซึ่งงานนี้มีคำตอบ...

นับว่าเป็นการริเริ่มที่ดี ที่ต้องให้เครดิตรัฐบาล เพราะการที่รัฐมีแผนจะลงทุนในอภิมหาโปรเจคในลักษณะเช่นนี้ เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชนเจ้า ของประเทศ ให้รับรู้ เข้าใจและเห็นพ้องร่วมกันถึงเป้าหมายของโครงการ ทั้งนี้เพราะทรัพยากรและเงินที่ใช้ในโครงการ ล้วนเป็นภาษีอากรจากประชาชนทั้งสิ้น ดังนั้นการได้รับการยอมรับและเสียงสนับสนุนจากประชาชน เจ้าของประเทศตัวจริง จึงย่อมเป็นสิ่งสำคัญ และสำคัญมากกว่าเสียงสนับสนุนในสภาฯ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่งานดีๆเช่นนี้มีระยะเวลาการจัดงานที่จำกัด อีกทั้งจัดให้มีเฉพาะในส่วนกลาง ทั้งที่ความจริง ในเรื่องที่เป็นอนาคตสำคัญของประเทศ ควรจะมีการจัดให้กระจายครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพราะประชาชนเจ้าของประเทศมิได้มีเฉพาะกรุงเทพฯ และคนกรุงเทพฯ ก็ไม่ใช่ตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ

Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก
เนื้อหาสาระของงาน Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก คือ นิทรรศการแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. 2556 - 2563 ประเด็นที่น่าสนใจคือการเปิดเผยแผนงานที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาล ที่มีการเตรียมวางระบบคมนาคมขนส่งภายในประเทศมีแผนที่จะดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2556 - 2563 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ที่อยู่รายล้อมประเทศไทย นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นใจ และท้าทายความสามารถของรัฐบาลว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งทั้งนี้ก็อยู่ที่ตำตอบสุดท้านคือเม็ดเงินงบประมาณ ที่สูงถึง 2.2 ล้านล้านบาทนั่นเอง หากเรื่องเงินผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ปัญหาก็จะอยู่ที่เรื่องของเวลาที่มีจะทันหรือไม่ รวมทั้งปัญหาที่หลายฝ่ายกังวลคือการคอร์รัปชั่น นับเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่เคยล้มโครงการดีๆมาแล้วมากมาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่ารัฐบาลมีแผนการบริหารจัดการที่รัดกุมอยู่แล้ว หากมีองค์กรอิสระและภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วยจึงจะถือว่า สมบูรณ์แบบ  

 
ประเทศไทยจะได้อะไรจาก อภิมหาโปรเจคนี้ ...
ขั้นต้น การรวมตัวเป็นประชาคมของอาเซียนส่งผลดีและผลเสียต่อไทย แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้การเปิดประชาคมเป็นประโยชน์ต่อไทยนั้นคือ การสร้างความเชื่อมโยงในอาเซียน ซึ่งจำเป็นต่อการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน เพราะการรวมตัวเป็นประชาคมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนไปมาหาสู่กันได้ อย่างสะดวก และมีการเคลื่อนย้ายสินค้าจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งโดยเสรี การสร้างความเชื่อมโยงของอาเซียนคือ การทำให้ประชากรและสินค้าเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนได้โดยเสรี อาเซียนจึงต้องพัฒนาทั้งโครงสร้างการคมนาคมพื้นฐาน และกฎเกณฑ์การผ่านแดนควบคู่กันไป ในส่วนของโครงสร้างการคมนาคมพื้นฐาน อาเซียนมีแผนที่จะตัดทางหลวงและเส้นทางรถไฟหลายเส้น ไม่ว่าจะเป็นถนนจากท่าเรือน้ำลึกทวายในฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอินโดจีนไปสู่ ท่าเรือดานังในฝั่งตะวันออก ถนนเชื่อมตอนใต้ของประเทศจีนสู่ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังในไทย หรือทางรถไฟเชื่อมจากสิงคโปร์สู่ชายแดนลาว-จีน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการสร้างความเชื่อมโยงทางทะเลระหว่างประเทศสมาชิกที่มีลักษณะ ภูมิประเทศเป็นเกาะ โดยแม้ไทยจะไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการสร้างความเชื่อมโยงทางทะเลนี้ แต่ผู้คนและสินค้าที่จะเคลื่อนย้ายทางบกจากคาบสมุทรอินโดจีนสู่ประเทศที่ เป็นเกาะดังกล่าวจะต้องผ่านไทย เพราะไทยเป็นทางผ่านทางบกเพียงเส้นทางเดียวสู่มาเลเซีย ในส่วนของกฎเกณฑ์การผ่านแดน อาเซียนกำลังกระตุ้นให้แต่ละประเทศสมาชิกผ่านกฎหมายว่าด้วยการอำนวยความ สะดวกการผ่านแดนของประชากรและการขนส่งสินค้า ไทยได้ประโยชน์จากการสร้างความเชื่อมโยง โดยเฉพาะจากการเคลื่อนย้ายประชากรหรือสินค้าเพราะไทยได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ประโยชน์โดยตรงที่ได้รับคือเส้นทางคมนาคมที่จะถูกเร่งให้สร้างขึ้น และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยรวมที่จะเกิดจากการใช้จ่ายของชาวต่างชาติที่ เข้ามาในไทย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ทางอ้อมที่จะเกิดขึ้นจากการที่ไทยตั้งอยู่บริเวณ ศูนย์กลางของประเทศสมาชิกอาเซียนภาคพื้นดิน คือทำให้มีช่องทางธุรกิจบริการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมที่ต้องรองรับประชากรที่เคลื่อนย้าย และบุคลากรที่ทำหน้าที่เคลื่อนย้ายสินค้า ธุรกิจการขนส่งที่ต้องรองรับการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มากขึ้น หรือธุรกิจร้านค้าและการอำนวยความสะดวกต่างๆ นอกจากนี้ การได้เปรียบทางภูมิศาสตร์นี้ยังทำให้ไทยเนื้อหอมในสายตานักลงทุนต่างชาติ ถึงขนาดที่บทความหนึ่งในหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นให้สมญานามไทยว่าเป็น “หัวใจของอาเซียน”

การสร้างความเชื่อมโยงในอาเซียนจะส่งผลดีทางเศรษฐกิจต่อไทยอย่างมาก ซึ่งทำให้การเปิดประชาคมอาเซียนมีความสำคัญ เพราะยิ่งเปิดประชาคมได้สมบูรณ์เร็วเท่าไร ย่อมมีความเชื่อมโยงในอาเซียนเร็วขึ้นและมากขึ้นเท่านั้น การที่รัฐบาลเพิ่งจะริเริ่มลงทุนปรับโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งของ ประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงในอาเซียน ตามแนวคิด Asean Logistics hub ถึงแม้ว่าจะเป็นการลงที่สูงแต่หากวิเคราะห์ให้ดีแล้ว พบว่าประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์ที่ยั่งยืนและคุ้มค่า ทันทีที่โครงการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ นับตั้งแต่ทศวรรษหน้าเป็นต้นไป การเริ่มโครงการฯ ซึ่งดูเหมือนจะขยับตัวช้าไปนิด แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เพราะหากเป็นเช่นนั้นประเทศไทยจะเสียเปรียบในเวทีอาเซียน ตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดประตูบ้าน ต้องเลือกเอาว่าจะลงทุนเพื่ออนาคตของลูกหลาน หรือเลือกที่จะยืนอยู่กับที่เพื่อเฝ้ามองผู้อื่นเดินไปข้างหน้าและประสบความ ความสำเร็จ...
 http://radiothailandchanthaburi.blogspot.tw/2013/03/thailand-2020.html

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

รู้ไหม? “กรณ์ จาติกวนิช” ขอคำปรึกษาใคร ก่อนอภิปราย พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน

วาน นี้ (28 มี.ค.56) นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสรูปในเพจเฟซบุ๊คส่วนตัว พร้อมกับบรรยายภาพว่า “เมื่อคืนผมแวะไปขอคำแนะนำจากอดีตขุนคลังสองสมัย คุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์”



ที่มา: เพจเฟซบุ๊ค Korn Chatikavanij





“ธารินทร์ นิมมานเหมินท์” คือใคร ?


ธา รินทร์ นิมมานเหมินท์ ปัจจุบันเป็นกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพานิชย์ และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในช่วงหลังการลดค่าเงินบาทปี พ.ศ. 2540 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของรัฐบาลนายชวน หลีกภัย 2



ทั้งนี้ นายธารินทร์เคยได้รับการวางตัวให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สืบต่อจากนายชวน หลีกภัย

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364466613&grpid=03&catid=03&utm_source=MatichonOnline&utm_medium=MatichonOnline

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

คลิป นายแน่มาก วันที่ 26 มีนาคม 2556


รายการนายแน่มาก วันที่ 26 มีนาคม 2556
ดำเนินรายการโดย คุณคฑาวุธ และ ดีเจ Bigbuff
Bigbuff: http://www.mediafire.com/?44c5utqjanoq3nu
amREDshirt: http://www.mediafire.com/?r3157ur27vey53v
มดตะนอย : http://www.4shared.com/mp3/lE472c75/_2656.html


วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทักษิณส่ง "บอดี้การ์ด" ประจำตัวดูแล "ปู" - ร.ท.ธวัชชัย กลีบเมฆ อดีตซีล

ทักษิณส่ง "บอดี้การ์ด" ประจำตัวดูแล "ปู" - ร.ท.ธวัชชัย กลีบเมฆ อดีตซีล


วันที่ 26 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วเสร็จ ที่บริเวณด้านหน้าตึกแดง สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) สังเกตเห็น "ร.ท.ธวัชชัย กลีบเมฆ" อดีตนายทหารเรือประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ในสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งร.ท.ธวัชชัยได้เข้ามาทักทายกับผู้สื่อข่าวที่มีความคุ้นเคยกันมาในสมัยปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาล โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า "มาทำอะไร" ซึ่งร.ท.ธวัชชัยกล่าวตอบเพียงว่า “มาช่วยงาน” ก่อนขอตัวและเดินจากไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ร.ท.ธวัชชัยเป็นนายทหารหน่วยซีลแห่งกองทัพเรือ และได้โอนย้ายมาสังกัด ศรภ. ทำหน้าที่ในทีมบอร์ดี้การ์ดของพ.ต.ท.ทักษิณช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ได้ลาออกจากราชการและติดตามให้การอารักขาพ.ต.ท.ทักษิณในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวตลอดช่วงที่อยู่ต่างประเทศ รวมไปถึงทำหน้าที่เป็นช่างภาพ และนำภาพโพสต์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กให้พ.ต.ท.ทักษิณบ่อยครั้ง 

ทั้งนี้นอกจากร.ท.ธวัชชัยแล้ว ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ยังได้พบพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามพรรคเพื่อไทย เดินขึ้นตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การที่ร.ท.ธวัชชัยเข้ามาร่วมทีมคณะทำงานนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เพราะเป็นความประสงค์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการให้ร.ท.ธวัชชัยเข้ามาช่วยดูแลน.ส.ยิ่งลักษณ์ และช่วยดูแลงานการรักษาความปลอดภัยในภาพรวม ส่วนพ.ต.ท.วทัญญ วิทยผโลทัย หรือ "สารวัตรหนุ่ย" ผู้ช่วยนายเวร (สบ.3) นายตำรวจติดตามคนเดิม ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5ESTVOelEzTUE9PQ==&utm_source=KhaosodOnline&utm_medium=KhaosodOnline

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ด่วน!!!! ศาลอาญากท.ใต้พิพากษายกฟ้อง2แนวร่วมนปช.เผาเซนทรัลเวิลด์ปล่อยตัวบ่ายวันนี

ยกฟ้องอีก 2 ผู้ต้องหาคดีเผาเซ็นทรัลเวิร์ล พ.ค.53

ศาลตัดสินยกฟ้อง 'สายชล-พินิจ' คดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ชี้พยานโจทก์มีเหตุแห่งความสงสัยในการกระทำความผิด ยกประโยชน์ให้จำเลย ปล่อยตัวจำเลยทั้ง 2
25 มี.ค.56 เวลา 9.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 405 ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 2478/2553 ซึ่งพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสายชล แพบัว จำเลยที่ 1 อายุ 28 ปี (ในวันเกิดเหตุ) อาชีพรับจ้างและนายพินิจ จันทร์ณรงค์ จำเลยที่ 2 อายุ 26 ปี (ในวันเกิดเหตุ) อาชีพรับจ้างในความผิดร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นซึ่งเป็นโรงเรือนที่ เก็บสินค้าจนเป็นเหตุให้นายกิตติพงษ์ สมสุขซึ่งอยู่ในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ถึงแก่ความตายและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินเหตุเกิดที่ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค.53 ซึ่งมีการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยคดีนี้เป็นคดีเดียวกันกับกรณีผู้ต้องหา 2 คนที่เป็นเยาวชนซึ่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้พิพากษายกฟ้องไปแล้ว เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.55
สำหรับคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น ศาลตัดสินลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 1 ปี ให้การเป็นประโชยน์ในชั้นสอบสวน ลดเหลือ 9 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ถูกตัดสินโทษไปคดีก่อนหน้าแล้ว จึงให้ปล่อยตัวทั้งคู่ เนื่องจากถูกคุมขังมาสมควรแก่โทษแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่า จะมีการปล่อยตัวทั้งสองที่เรือนจำหลักสี่ ในเย็นวันนี้


ติดตามอ่านรายละเอียดคำพิพากษาได้ที่นี่ เร็วๆ นี้

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

แฉกลโกง เก็บค่าบริการ SMS มือถือ อัตโนมัติ เสียเงินไม่รู้ตัว

แฉกลโกง เก็บค่าบริการ SMS มือถือ อัตโนมัติ เสียเงินไม่รู้ตัว




 ผู้ เชี่ยวชาญแฉกลลวงเรียกเก็บค่าบริการ SMS โดยผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งแบบเติมเงิน และแบบจ่ายรายเดือน อาจถูกตัดเงินอัตโนมัติโดยไม่รู้ตัว เพียงเพราะสัมผัสถูกแบนเนอร์ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีการวางโปรแกรมซ่อนเอาไว้
 เมื่อ วานนี้ (21 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากอาจารย์ปริญญา หอมอเนก ผู้เชี่ยวชาญทางระบบคอมพิวเตอร์และความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ว่า ขณะนี้มีกลลวงเรียกเก็บค่า SMS ไม่ว่าจะเป็น SMS ดูดวง ใบ้เลขเด็ด ทำนายผลฟุตบอล ฯลฯ โดยที่เจ้าของเบอร์ไม่ทราบมาก่อนว่าได้สมัครไว้ และถูกตัดเงินอัตโนมัติ ทั้งมือถือแบบเติมเงิน และแบบจ่ายรายเดือน ซึ่งบริษัทที่เรียกเก็บค่า SMS เหล่านี้ มีเงินสะพัดนับหลายสิบล้านบาทต่อเดือน

  อาจารย์ปริญญา กล่าวว่า สาเหตุการเปิดโปงในครั้งนี้ เนื่องจากตนถูกเรียกเก็บเงินค่า SMS ใบ้หวยเลขเด็ดติดต่อกัน 3 เดือน เดือนละ 36 บาท ทั้งที่ไม่เคยสมัครรับข่าวสารมาก่อน จากนั้นจึงเริ่มตรวจสอบข้อมูลเพราะคิดว่ามือถืออาจติดไวรัสโทรจัน แต่กลับพบว่า ตนกำลังโดนกลลวงด้วยกรรมวิธีแฝงแบนเนอร์ไว้ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ
  ทั้งนี้ ก่อนการใช้บริการ SMS ส่วนใหญ่ บริษัทผู้ให้บริการจะส่ง SMS เข้ามือถือ ตัวอย่างเช่น "คุณได้รับสิทธิ์ดูดวงฟรี 15 วัน สมัครกด*234*1#"(ข้อมูลสมมติ) หากเจ้าของเบอร์ต้องการจะสมัคร ก็แค่กดเบอร์ตามที่ระบุไว้ แล้วโทรออก ทางบริษัทก็จะเรียกเก็บเงินตามที่ระบุไว้ใน SMS แต่ปัจจุบันเมื่อคนเริ่มใช้บริการน้อยลง บริษัทเหล่านี้จึงเริ่มคิดกรรมวิธีใหม่ ๆ ด้วยการแฝงแบนเนอร์ (ป้ายโฆษณา) ไว้ตามเว็บไซต์ เพราะคนหันมาใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบแอนดรอยด์ หรือ IOS ก็ตาม

 โดย เจ้าของแบนเนอร์จะทำการตกลงกับเครือข่ายมือถือว่า หากมีผู้มาสมัครใช้บริการ ทางเครือข่ายก็จะดึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์มือถือส่งไปให้บริษัทเจ้าของแบน เนอร์ และทำการให้ส่วนแบ่ง 50% จากรายได้ทั้งหมด ซึ่งเจ้าของแบนเนอร์ก็จะไปจ้างบริษัทจัดหาพื้นที่โฆษณา เพื่อนำแบนเนอร์บริการ SMS ไปแปะไว้ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งตนเชื่อว่า ลูกค้าเครือข่ายมือถือแบบรายเดือน คงไม่เคยอ่านสัญญาข้อหนึ่งว่า บริษัทสามารถนำข้อมูลไปเผยแพร่ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต
 อาจารย์ ปริญญา ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่พบในระบบแบนเนอร์ดังกล่าว คือ มีการวางโปรแกรมที่เรียกว่า Hack jaking ซ่อนอยู่กับตัวแบนเนอร์ นั่นคือ ภายใต้ภาพที่เราคลิกจะถูกซ่อนด้วยปุ่มยืนยันการสมัครไว้แล้ว ทั้งที่การสมัคร SMS จริง จะต้องทำการสมัคร 2 ขั้นตอน คือกดไปที่แบนเนอร์ก่อน แล้วค่อยกดยืนยันการสมัครรับข่าวสาร แต่สำหรับกรณีนี้ คือ หากเราคลิกไปโดนภาพ ก็กลายเป็นว่าเราสมัครใช้บริการ SMS ไปโดยไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้กดยืนยัน ซึ่งกรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นสูง เพราะสมาร์ทโฟนเป็นมือถือระบบสัมผัส ซึ่งมือเราอาจเผลอไปโดนแบนเนอร์ได้ตลอดเวลา

เมื่อ มี SMS จากทางบริษัทเหล่านี้ส่งเข้ามา เราก็จะถูกเรียกเก็บค่าบริการไปเรื่อย ๆ ทุกเดือน คนไหนที่ใช้บริการเครือข่ายมือถือแบบรายเดือนอาจไม่ทันทราบถึงเรื่องดัง กล่าว เพราะถูกคิดยอดเงินอัตโนมัติทุกเดือน ยกเว้นคนที่ใช้ระบบเติมเงิน หากมีการตรวจสอบยอดเงินเป็นประจำก็จะพบความผิดปกตินี้ และรีบโทรสอบถามกับทางเครือข่ายที่ใช้บริการ เพื่อยกเลิก SMS
อาจารย์ ปริญญา ได้เน้นย้ำว่า เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาระดับชาติ ที่ทางบริษัทเจ้าของแบนเนอร์ และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือกำลังเอาเปรียบผู้บริโภค เพราะการสมัคร SMS ต้องมาจากการสมัครใจ ไม่ใช่เล่นทีเผลอแบบนี้ โดยหากคิดมูลค่าความเสียหายต่อคน คงจะไม่กี่บาท เพราะค่าบริการ SMS เหล่านี้จะอยู่ที่ 19 – 49 บาท ต่อเดือน แต่เท่าที่สืบทราบมา พบว่า บริษัทเหล่านี้สามารถหาลูกค้าได้จำนวนหลักแสน ถึงหนึ่งล้านคนต่อเดือน ดังนั้น มูลค่ารวมที่ได้จึงนับเป็นหลายสิบล้านบาท
อย่าง ไรก็ตาม หากเจ้าของมือถือคนไหนที่คิดว่าโดนเรียกเก็บค่าบริการตามที่ว่ามา แนะนำให้โทรไปที่ call center ของเครือข่ายที่ใช้บริการ เพื่อแจ้งขอยกเลิก SMS และขอเรียกเงินคืน ซึ่งตนได้ลองทำมาแล้ว และทางเครือข่ายก็ยอมคืนเงินให้อย่างง่ายดาย ราวกับรู้ว่าต้องมีคนรู้ตัว แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะจากที่มีการโทรไปยกเลิก SMS เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แต่ต่อมาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ กลับมี SMS ส่งเข้ามาอีกครั้ง
 นอก จากนี้ ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมว่า ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอมได้มีสมาชิกตั้งกระทู้หลังจากได้รับความเดือดร้อนจาก กรณีลวงเก็บค่าบริการ SMS อีกหลายราย ซึ่งในวันนี้ (22 มีนาคม) อาจารย์ปริญญา จะนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนกับ กสทช. เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ให้บริการเครือข่ายกับบริษัทเจ้าของแบนเนอร์ ต่อไป

ที่มา: kapook.com/
 http://board.postjung.com/665908.html

บทเรียนประเทศไทย ปฏิบัติการใคร? เข้มแข็ง












twitter

ห้องแชทKonthaiuk