PEACE TV LIVE

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

หม่อมเต่านา : ต่อให้ พ.ต.ท. ทักษิณ โอนเงินมาให้เราสักหนึ่งพันล้านบาท เราก็ยังไม่กล้าทำสิ่งที่คุณนวมทองทำอยู่ดี

สัมภาษณ์โดย  ฟ้ารุ่ง ศรีขาว


สัปดาห์หน้าจะถึงวันครบรอบ 6 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน  2549 “มติชนออนไลน์” สัมภาษณ์  ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ หม่อมเต่านา  ถึงความเห็นต่อความเปลี่ยนแปลงกว่าครึ่งทศวรรษ ในฐานะผู้สังเกตการณ์และที่มารอยสัก "นวมทอง" ที่แขนข้างขวา  


@ มอง 6 ปี รัฐประหาร อย่างไร


พูดอย่างเลวๆก็คือ มองอย่างสะใจที่ตกลง เราสรุปไว้ถูก เพราะตอนนั้นก็เชื่่อมั่นว่าจะเป็นการกระทำที่ล้มเหลว ทุกอย่างผิดที่ผิดทาง มีผลแค่ปลุกระดมความกลัวและเกลียดชังระหว่างคนในชาติให้เพิ่มขึ้น ผ่านมา 6 ปี รัฐประหารปี 49 มีผลดีอย่างเดียวคือทำให้ประชาชนรากหญ้าที่เดิมไม่ค่อยได้สนใจการเมืองระดับประเทศนัก มีความตื่นตัวอย่างมากในการที่จะรักษาไว้ซึ่งอำนาจ ศักดิ์ศรีและสิทธิของเขาเองอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย



@ สาเหตุ ที่สัก “นวมทอง” ไว้ที่แขน เพราะอะไร จึงต้องเป็นคำนี้



ตอนที่เกิดรัฐประหาร คนรอบๆ ตัวเราทุกคนมีแต่ความดีใจ ยินดี ปลาบปลื้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแปลกแยกมากๆ รู้สึกเหมือนว่าเราเองผิดปรกติอย่างมากที่กลับไม่รู้สึกดีเหมือนคนอื่นๆ ซ้ำร้ายยิ่ง ยิ่งรู้สึกเสียใจ สิ้นหวัง เหมือนโดนกระทืบหัวใจจนแหลกละเอียด ในชีวิตเคยรู้สึกเช่นนี้ 2 ครั้งเท่านั้นคือ ตอนที่คุณแม่ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง กับอีกครั้งคือ เมื่อหลังรัฐประหาร 3 วัน ช่วงนั้นเราไปทำงานอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์



เมื่อกลับมาเพื่อนได้เล่าให้ฟังว่ามีแท็กซี่ใช้สีสเปรย์พ่นตัวถังรถว่า "ไม่เอารัฐประหาร"  แล้วขับรถพุ่งชนรถถังเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการประท้วงคณะปฎิวัติ คนขับแท็กซี่รอดชีวิต แต่อาการหนักมาก ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต่างส่งคนมาเยี่ยม มาบอกเขาว่ารัฐประหารจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น เป็นสิ่งที่เขาในฐานะประชาชนควรจะดีใจ ซึ่งเป็นการปลอบที่ขัดกับความเชื่อ เจตนารมณ์และจุดยืนของเขาอย่าสิ้นเชิง



เมื่อออกจากโรงพยาบาลเขาได้ทราบว่า ข่าวการขับรถชนรถถังของเขาถูกนำไปบิดเบือนความจริง โดยเขียนทำนองว่า คนขับแท็กซี่ขับรถพุ่งชนรถถังเพราะสายตาไม่ดีบ้าง สติไม่ดีบ้าง ทหารผู้ใหญ่ในคณะรัฐประหารบางท่านถึงกับพูดว่า "ไม่มีใครเขายอมตายเพื่อความเชื่อของตัวเองหรอก " ซึ่งก็เป็นการพูดถึงจิตใจคนได้แปลกมาก เพราะนัยว่าการทำรัฐประหาร นั้นคือการที่ผู้ทำรัฐประหารบอกกับประชาชนว่าจะขอพลีชีพเพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันและประเทศชาติ เป็นการเอาความเชื่อในความดีงาม และอุดมการณ์มาพุ่งชน แบบยอมตายเพื่อจะทำลาย พ.ต.ท. ทักษิณ และคณะ  แต่คนทำรัฐประหารกลับดูถูกน้ำใจประชาชนเอง ดังนั้น พออาการคุณนวมทองดีขึ้นออกจากโรงพยาบาลได้ เขาจึงเขียนจดหมายอธิบายเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของเขาอีกครั้ง แล้วใส่เสื้อสีดำที่มีข้อความต่อต้านรัฐประหาร แล้วไปผูกคอตายอยู่ใต้สะพานลอย



เนื่องจากตัวเราเองพื้นฐานเป็นคนขี้เกียจ รักสบาย ไม่ค่อยสนใจคนอื่นนัก แต่เมื่อได้รับรู้ในความแน่วแน่ในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป เรารู้สึก สะอึกและตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่า ณ จุดนั้นเขาคือ คนไทยคนแรกที่เราได้เห็นจะๆ ว่ายอมฆ่าตัวตายเพื่อยืนยันในความเชื่อของตนเอง เป็นการกระทำที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน และทุกครั้งที่เราเล่าเรื่องนี้ให้คนฟัง เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้มากนัก เพราะรัฐบาลคณะปฎิวัติเหมือนจะพยายามปิดๆข่าว ทุกครั้งที่เราเล่าเรื่องนี้ โดยยังไม่บอกว่าเขาประกอบอาชีพอะไร ทุกคนที่ได้ฟังจะบอกว่า เออ เจ๋งดีหวะคนนี้



แต่แล้วพอเราบอกว่าเขาเป็นคนขับแท็กซี่ คนเหล่านั้นก็จะพูดประมาณว่าคนขับแท็กซี่ก็งี้หละแม่งบ้า อาจกินยาบ้า เมา หรือมีคนจ้างวานให้มาทำ คือกลายเป็นพยายามลบล้างสิ่งที่เขายืนยันกระทำลงไปจนสำเร็จด้วยวิธีการดูแคลนในอาชีพสุจริตที่เขาเป็น ซึ่งยิ่งทำให้เราหดหู่มาก
ปีนั้นเราอายุสามสิบหก คือครบสามรอบพอดี เราคิดว่าเราแก่และเห็นทุกอย่างมามากแล้ว แต่เราก็กลับไม่สามารถวางความรู้สึกช้ำใจอันนี้ได้ ในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 49 เราจึงไปสักชื่อของคุณ นวมทอง ไว้ที่แขนขวาของเรา เอาให้ทุกคนเห็นกันจะๆ กันไปเลย เราไม่เคยสักหรือคิดจะสักชื่อใครอะไรมาก่อนเลยในชีวิต แต่เราถือว่าการที่ได้สักชื่อของคนที่มีเกียรติและความกล้า พูดจริงทำได้จริง เช่น คุณนวมทองถือเป็นเกียรติแก่ตัวเรา และคือของขวัญที่ดีที่สุดที่เราจะให้ตัวเองได้ ในปีเกิดครบสามรอบของเราค่ะ





@ ทำไมจึงไม่เชื่อว่า คนขับรถแท็กซี่ ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จ้างมาสร้างสถานการณ์อย่างที่หลายคนเชื่อ ในขณะนั้น



เพราะเขาทำในสิ่งที่เรารู้สึกอยากทำมากๆ แต่ไม่กล้าทำ และต่อให้ พ.ต.ท. ทักษิณ โอนเงินมาให้เราสักหนึ่งพันล้านบาท  เราก็ยังไม่กล้าทำสิ่งที่คุณนวมทองทำอยู่ดี หรือต่อให้เราจนมากๆ ไม่มีเงินหรือสิ่งที่คนชอบเรียกมันว่าต้นทุนทางสังคม เราก็ไม่กล้าฆ่าตัวตายเพื่อเงินอยู่ดี



หลังจากนั้นเราก็ส่งเลขาให้ไปพบกับครอบครัวของคุณนวมทอง ไปให้กำลังใจ และแสดงความคารวะ ได้พูดคุยกับครอบครัวของคุณนวมทอง เราไม่กล้าแม้แต่จะไปเองเพราะไม่อยากจะรู้สึกสะเทือนใจไปมากกว่านี้ การกระทำของคุณนวมทองได้ใจเพื่อนๆ เราหลายคน



บางคนตอนเกิดปฎิวัติยังมึนๆ เฉยๆ นิ่งๆ เซ็งแต่ก็ไม่อยากรู้สึกเหมือนฝืนกระแสสังคม แต่พอคุณนวมทองฆ่าตัวตายอย่างมุ่งมั่น พร้อมทิ้งจดหมายลาตายที่เขียนได้กินใจมากๆ ไว้  คนหลายๆ คน ที่พยายามเก็บความรู้สึกไว้ก็กล้าพูดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ความไม่พอใจกับการทำรัฐประหารออกมา เรียกได้ว่าความตายของคุณนวมทองคือแรงกระแทกอันแรกที่สำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เรา และเพื่อนหลายๆคนรู้สึกกล้าที่จะยอมรับในความโกรธของตัวเองซึ่งความรู้สึก ที่รุนแรงและความรู้สึกที่จริงขนาดนั้นไม่สามารถซื้อหรือปลุกได้ด้วยเงิน เพียงอย่างเดียวไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวยหรือคนจน



@ ปรากฏการณ์ “ดารุณี กฤตบุญญาลัย” ถูกตั้งคำถามเสียงดังกลางห้างดัง ไม่ว่าจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็น “ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล” (ดาร์ตอปิโด) หรืออาจจะตั้งใจถามเพราะเห็นว่าเป็นคนเสื้อแดง แต่ข้องใจในประเด็น “รักในหลวง” คุณเต่านา มองเหตุการณ์นี้อย่างไร



สำหรับ เรา เราไม่แน่ใจว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่บ่งบอกถึง ความรักในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างแท้จริงหรือไม่ แต่เราแน่ใจว่าเป็นการกระทำที่บ่งบอกถึงความเกลียดชังและความสับสนอย่างยิ่ง กับการต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชังนั้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะ มันเป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเพียร สอนพวกเรามาในเรื่องการมีสติและการกระทำความดีขณะที่ ความเกลียดชังอย่างไร้สติ ไม่สามารถเกิดขึ้นจากความรักและนับว่าเป็นการกระทำความดีได้อย่างแน่นอน



@ ข้อความทางเฟซบุค “อย่าโหนเจ้า เพราะ เจ้าก็ต้องพึ่งประชาชนค่ะ” สเตตัสนี้ มองความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันต่างๆ กับภาคประชาชนมีความเปลี่ยนแปลงไป หรือไม่



คน ไทยชอบคิด และอยากเชื่อว่าใครหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งมีอำนาจอย่างเด็ดขาดเหนือองค์กร อื่น แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทุกสิ่งอย่างมีความสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องพึ่งพิงและให้ความจริงใจกันอยู่ ตลอดเวลา พร้อมๆ กับการระมัดระวังตัวไม่ให้ตัวเองเกิดการลุกล้ำล่วงเกินไปในอำนาจหน้าที่คน อื่นทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจจนเกินไปนักเพราะวิธีการใช้กฎหมายกติกาของ สังคมไทยเป็นระบบพึ่งพิงแต่ช่วงหลังๆกลับกลายไปเน้นระบบอ้างอิงซะมากกว่า



@ มองเรื่องนี้อย่างไรต่อความเห็นของฝ่ายต่างๆ ที่คิดแตกต่างกันเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 



เรามีความเชื่ออย่างโรแมนติกๆ ในแบบของเราเองว่า วันหนึ่งสถาบันจะเป็นผู้ประกาศยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 นี้ด้วยตนเอง เพราะทุกครั้งที่มีการนำมาตรานี้ไปใช้ เรื่องยิ่งหลุดมือไป สถานการณ์บานปลายออกไป คนที่เสียหายที่สุดก็คือสถาบันเองค่ะ



@ ความกลัวทางการเมือง ที่แต่ละฝ่ายควรเปิดเผยออกมา จะเป็นไปได้แค่ไหน



ในที่สุดจะเป็นไปได้หมด และจะมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยออกมาเพราะภายในอีก 5 ปีประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีประชาชนสองแบบ แบบที่หนึ่งคือพวกที่ไม่สนใจการเมืองมากนัก แค่รู้ไว้ ใช้จับทิศทางในการทำมาหากินให้สำเร็จ เอาเวลาไปมุ่งมั่นตั้งสติทำงาน ทำตัวเองและครอบครัวให้ดีขึ้นเรื่อยๆ   กับ แบบที่สองคือพวกที่ตั้งหน้าตั้งตาปล่อยข่าวลือ จริงบ้าง ไม่จริงบ้างเพื่อทำลายคนอื่นไปๆมาๆ วนเวียนๆ ดังนั้นในที่สุดคนที่รักและเชื่อในความจริง คนที่เชื่อว่าการยอมรับความจริงจะเป็นทางออกของทุกสิ่ง เขาก็จะตั้งหน้าตั้งตาเผยแพร่ความจริง ที่เขาเองเชื่อว่าจริงออกมาสู่มวลชน ก็คงจะมีกันคนละแบบคนละเล่ม แล้วก็คงจะมีการถกเถียง คัดคาน พยายามพิสูจน์ข้อเท็จจริงของแต่ละฝ่ายกันไปเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีมากกับสังคมไทย เพราะความจริงไม่เคยทำร้ายใคร ในขณะที่อคติและข่าวลือ เมื่อถูกนำมาผสมกับความเกลียดกลัวและใจเสีย สามารถฆ่าคนบริสุทธ์ได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม



@ มองว่ารูปแบบการยึดอำนาจด้วยรถถัง กำลังทหาร ยังเป็นตัวเลือกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่หรือไม่



คงจะมีคนคิดฝันๆ อยู่เรื่อยๆ แต่ในทางปฏิบัติจริงจะเป็นไปได้ยากมากๆ และถ้าหากทำอีกทีหนึ่งก็คงจะได้ล้มล้างกันทุกอย่างเลย ไม่ใช่แค่รัฐบาล



สังคมไทยชอบโทษว่าเป็นเพราะนักการเมืองเลว โกงกิน จึงต้องมีการทำรัฐประหาร เราอยากให้ลองมองย้อนกลับดูสักนิดว่าพอทำเสร็จแล้ว ซึ่งประเทศไทยก็มีรัฐประหารมาไม่รู้จะกี่หนแล้ว ประเทศชาติดีขึ้นจริงหรือ ถ้าหากการทำรัฐประหารเป็นอะไรที่มีผลดีจริงๆ คงไม่ต้องทำบ่อยขนาดนี้กระมัง ??? นักการเมือง คือตัวแทนของประชาชน ถ้าหากจะพูดว่านักการเมืองส่วนมากเป็นคนเลว ก็หมายความว่าประชาชนส่วนมากก็เลวด้วย เพราะประชาชนจะเลือก ส.ส. ที่เขาเชื่อว่าเป็นตัวแทนในคุณค่าของเขา



แนวความคิดที่ชอบนำเรื่องการการทำรัฐประหารมาคอยขู่ๆ นักการเมือง ซึ่งจะดีจะเลวอย่างไรก็คือตัวแทนของประชาชน นี่มันคล้ายๆกับ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาในแบบหนึ่ง อยากให้ลูกโตขึ้นเป็นคนแบบหนึ่ง แต่พอไม่ได้อย่างใจก็ขู่ว่าจะตัดออกจากกองมรดก ขู่เสร็จก็คิดว่าลูกจะกลัวแล้วก็จ๋อยๆ ยอมทำตามทุกอย่างที่พ่อแม่อยากให้ทำ ทั้งๆ ที่ลูกถึงแม้ว่าต้องมีความกตัญญู รู้คุณ และมีหน้าที่ดูแลตอบแทนคุณบิดามารดา แต่ลูกก็เป็นคนเหมือนกัน มีความต้องการในตัวในการพัฒนาที่จะเป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่พ่อแม่ต้องการร้อยเปอร์เซนต์ เพราะมันฝืนธรรมชาติเขา หลังจากพ่อแม่ขู่และตัดเขาออกจากกองมรดกจริงๆ กลับกลายเป็นว่าเขาก็อยู่ของเขาเองได้ ซ้ำร้ายยังแข็งแกร่งขึ้น มีตัวตนที่ชัดเจน เข้มแข็งกว่าลูกที่พ่อแม่ตั้งหน้าตั้งตาตามใจให้ทุกอย่าง เพียงเพราะเขายอมทำตามความต้องการทุกอย่างของพ่อแม่ จบลงในที่สุดพ่อแม่ก็ต้องหันกลับมาพี่งลูกที่ถูกตัดออกจากกองมรดกออกไป เพราะเขายืนหยัดและแข็งแกร่ง ส่วนลูกที่ยอมทำตามทุกอย่างไม่คิดที่จะสู้ชีวิตด้วยตัวเอง นอกจากพ่อแม่จะพึ่งอะไรไม่ได้แล้ว ยังต้องเป็นภาระทางใจให้พ่อแม่ไปอีกชั่วชีวิต เพราะลูกคนนี้จะไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้



การทำรัฐประหารคือการขู่ให้ลูกเป็นเด็กไม่มีวันโตตลอดไป คอยแต่จะแหงนหน้าขึ้นมองและพร้อมที่จะแบมือขอของ   
ได้ทุกอย่างทางวัตถุที่อยากได้แต่ไม่เคยได้รับความสุขที่แท้จริงเพราะ เขาต้องติดอยู่กับกับดักแห่งการแบมือขอในสิ่งที่เขาควรที่จะยืนยันที่จะต้อง สร้างและรักษาไว้ด้วยตัวเอง...



@ มองศักยภาพฝ่ายค้าน กับการตรวจสอบหรือดุลอำนาจรัฐบาล ในปัจจุบันเป็นอย่างไร



ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีฝ่ายค้านอยู่ค่ะ



@ หมายความว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีปัญหาในแง่บทบาทตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลในยามที่ตัวเองเป็นฝ่ายค้าน หรือไม่



พรรคการเมืองที่ไม่มี ส.ส. สักคนที่สามารถยืนยืด อกสบตากับประชาชนแล้่วพูดดังๆให้พวกเราฟังได้ว่า พรรคการเมืองของเรามีจุดยืนคือการต่อต้าน ไม่เอา ไม่รับหลักการ ของการทำรัฐประหาร อย่างสิ้นเชิง ถือว่าเป็นสถาบันการเมืองที่ล้มเหลวอย่างหมดความน่าเชื่อถืออยู่แล้วในตัวเองค่ะ ความพยายามที่จะต่อยอดอะไรต่อไป ก็จะไม่มีประสิทธิภาพหรือได้ผลอย่างที่ควรจะเป็น เพราะประชาชนถือว่าท่านไม่มีความจริงใจในหลักของประชาธิปไตยเป็นพื้นฐานในหัวใจ ดังนั้นเมื่อท่านเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านจะอ้างตัวว่าท่านจะต่อสู้เคียงข้างประชาชนได้อย่างไร



@ รัฐบาลปัจจุบัน จะยังคงบริหารต่อไป ได้หรือไม่ ภายใต้เงื่อนไขใด



ได้อย่างสบายๆ  เพราะผู้นำคือนายกรัฐมนตรี ได้อำนาจมาด้วยการชนะเลือกตั้งอย่างชอบธรรม อย่างขาดลอย และในเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาท่านก็แสดงออกให้เห็นถึงความนิ่ง ความแมน และการให้เกียรติผู้อื่น แม้กระทั่งกลุ่มคนที่ไม่ได้เลือกท่าน  ตราบใดที่ท่านสามารถทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า ประชาชนมีโอกาส มีความหวัง และความเชื่อมั่นในอนาคตที่ดีขึ้นของพวกเขาเองและลูกหลาน  ความก้าวหน้าทางเศรษกิจอาจจะเดินไปช้าๆแต่ต้องทำให้เดินไปข้างหน้า พร้อมๆไปกับการค่อยๆพยายามสร้างพื้นที่ให้คนทุกคนได้มีที่ยืน   ให้การถกเถียงถึงแนวคิดที่แตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ได้หมายความว่าใครเป็นคนดีกว่าใคร    ถ้าหากทำได้อย่างนี้แล้วเรื่องทางกฎหมายและทางการเมืองก็จะค่อยๆถ่วงดุลกันไป อะไรที่ไม่ยุติธรรมมากๆ จนคนทนไม่ได้ เขาก็จะรวมตัวกันสร้างมวลชนขึ้นมาเพื่อส่งข้อความไปที่ตัวแทนของประชาชน หรือ ส.ส. ให้ นำมาถกเถียง จัดการ ปรับปรุง โดยผ่านระบบรัฐสภา ก็เป็นไปตามกลไกไป ช้าบ้างเร็วบ้าง แต่ทุกสิ่งจะค่อยๆมุ่งหน้ากลับเข้าสู่ระบบกลไกที่มันควรจะเป็น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1347422927&grpid=01&catid&subcatid

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ช๊อค!!!! รถเมล์ NGV สมัย ปชป.คันละ 16 ล้านกว่า รัฐบาลปู เหลือคันละ 4 ล้านเศษ! จากบริษัทเดียวกัน!!!!!!!



รัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งโครงการซื้อรถเมล์ NGV 4,000 คัน วงเงิน 60,000 ล้านบาท
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซื้อ 3,183 คัน วงเงิน 13,162 ล้านบาท
8 กันยายนนี้ ถึงคิว "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ" เจ้ากระทรวงคมนาคม แถลงโชว์ผลงานกระทรวง หลังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งบริหารประเทศครบ 1 ปี พลิกดูเนื้อในแต่ละนโยบายพบว่าส่วนใหญ่เป็นโปรเจ็กต์สานต่อ ไม่ว่าจะเป็น "นโยบายเร่งด่วน" ตรึงค่าครองชีพของประชาชน เช่น รถเมล์-รถไฟฟรี

เร่งรถไฟฟ้า 10 สาย

ขณะ ที่เมกะโปรเจ็กต์ "รถไฟฟ้า 10 สาย" ตั้งเป้าประมูลให้เสร็จในปี 2557 เปิดบริการปี 2562 ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง 5 สาย ซึ่งเปิดประมูลตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว ได้แก่ สีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) สีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) สีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) และสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) โครงการที่เข้าคิวรอประมูลมีสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) กับรอเปิดประมูลปลายปี 2555 มีสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และในปี 2556 มีสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) และสีแดง (ตลิ่งชัน-ศิริราช)

ส่วน "รถไฟเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ" ส่วนต่อขยาย "พญาไท-ดอนเมือง" ยังไม่คืบหน้า แม้ในแผนงานเริ่มจ้างที่ปรึกษาและประกวดราคาเดือนตุลาคมนี้20 บาท-ไฮสปีดเทรนยังต้องรอ

ที่กำลังเข็นสุดฤทธิ์ "ระบบตั๋วร่วม" ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์ ยังต้องรอ "กระทรวงคลัง" ไฟเขียวเพื่อขอใช้เงินกู้ดำเนินการ นั่นหมายความว่าอีกหลายปีกว่าจะได้เห็นเป็นรูปธรรม ไม่ต่างจากนโยบายค่าโดยสาร "20 บาทตลอดสาย" ที่ยังไปไม่ถึงดวงดาว รอผลเจรจากับเอกชนรับสัมปทานรถไฟฟ้าใต้ดินและบีทีเอส อย่างน้อย 1-2 ปีกว่าจะเห็นเค้าโครง ไพ่ใบเดียวที่มีในมือ "คมนาคม" ตอนนี้คือนำร่องใช้กับรถไฟฟ้า "แอร์พอร์ตลิงก์" เป็นสายแรกเพื่อดูให้เป็นผลงาน

ฟาก "รถไฟความเร็วสูง" ขั้นตอนยังเป็นเพียงศึกษาและออกแบบ มี 3 สายคือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เฟสแรกถึงพิษณุโลก, กรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-นครราชสีมา

ด้าน การพัฒนาระบบขนส่งทางรางที่รัฐบาลชุดที่แล้วอนุมัติเงินลงทุนไว้ 1.76 แสนล้านบาท มาถึงรัฐบาลชุดนี้สถานะ "อยู่ระหว่างดำเนินการ" ทั้งรถไฟทางคู่เปิดใช้สายที่ 3 ไปแล้ว "ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง"

ประมูลรถไฟทางคู่ 6 สาย

อีก 6 เส้นทาง รวม 873 กม. ตามแผนจะเปิดประมูลในปีนี้และเปิดบริการในปี 2558 มีช่วง "ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย" ครม.อนุมัติแล้วกำลังประมูลเร็ว ๆ นี้ เงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตามมาติด ๆ

อีก 5 เส้นทาง มี 1.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ 2.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 3.ช่วงนครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน 4.ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และ 5.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร

ส่วน "จัดซื้อหัวรถจักรและรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า" กำลังเปิดประมูล 6 โครงการ เช่น รถจักรดีเซลไฟฟ้า 20 คัน รถจักรดีเซลไฟฟ้าจีอี 50 คัน โครงการปรับปรุง 56 คัน จัดหารถโดยสารรุ่นใหม่บริการ

เชิงพาณิชย์ 115 คัน จัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า 305 คัน ฯลฯ

เข็นเอ็นจีวีเข้า ครม.

โครงการ ที่ตกค้างและรัฐบาลเพื่อไทยพยายามแจ้งเกิดให้ได้ "นโยบายจัดซื้อรถเมล์ NGV" ที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำไม่สำเร็จ โดยปรับลดจาก 4,000 คัน งบประมาณกว่า 6.3 หมื่นล้านบาท เหลือ 3,183 คัน ใช้งบประมาณเพียง 13,162 ล้านบาท เตรียมนำเสนอให้ ครม.พิจารณาเร็ว ๆ นี้เช่นกัน

ที่กำลังเริ่มตั้งไข่ "ทำแผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่ง" รองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมความพร้อมด้านการขนส่งและโลจิสติกส์แล้ว

เพิ่มโครงข่ายสะพาน-ถนน

ขณะ เดียวกันมีโครงการกำลังก่อสร้าง เช่น สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณนนทบุรี 1 ถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก ด่วนสายใหม่เชื่อมศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก ฯลฯ

รวมถึงการเชื่อม โยงโครงข่ายถนนในการขนส่งสินค้าและบริการระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เปิดใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนปีที่แล้ว มีสะพานข้ามแม่น้ำโขง จ.นครพนม โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ผลงานคืบหน้า 46.50%

ลุ้นขยายสุวรรณภูมิเฟส 2

โครงการที่ทำท่าจะ ลากยาว อาทิ สร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล เขื่อนยกระดับในแม่น้ำเจ้าพระยาและน่าน พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ฯลฯ ที่น่าจับตาคือโครงการขยาย "สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2" มูลค่าการลงทุนกว่า 6 หมื่นล้านบาทให้แล้วเสร็จในปี 2561 รัฐบาลวาดแผนเปิดประมูลเร็ว ๆ นี้ หลังล่าช้ามานาน จนรัฐบาลเพื่อไทยจำต้องฟื้น "สนามบินดอนเมือง" ที่ปิดตัวไปแล้วมาเปิดให้บริการสายการบินในประเทศอีกครั้ง

ทั้งหมดนี้คือผลงานคมนาคมภายใต้ "รัฐบาลปู" ในช่วง 1 ขวบปีที่ผ่านมา http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1346992704&grpid&catid=07&subcatid=0700


วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

งามใส้ กลางวันตีหน้าเศร้า ยืนดูน้ำไหล กลางคืน ประชาธิปัตย์ "จัดเลี้ยงซดหูฉลาม กินเป็ดปักกิ่ง ฉลองน้ำท่วม"

“ปชป.” จัดเลี้ยงซดหูฉลาม กินเป็ดปักกิ่ง เตรียมรับน้ำท่วม

วันนี้ ( 11 ก.ย.)  เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ ห้องแกรน์ดบอลลูม โรงแรมโฟร์ซีซั่น โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีแกนนำพรรค อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส. และสมาชิกพรรคจำนวนมาก เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ภายในงานมีการจัดโต๊ะจีน จำนวน 14 โต๊ะ โดยมีการจัดเลี้ยงเมนู อาทิ หูฉลามน้ำแดง เป็ดปักกิ่ง หอยเชลล์- กุ้งผัดซอสพริก ปลาเก๋านึ่งซีอิ๋วดำ เป็นต้น

นายเฉลิมชัย กล่าวเปิดงานว่า จุดประสงค์ที่จัดงาน เนื่องจากประสบการณ์ปีที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเอาไม่อยู่ ทุกคนจะต้องเหนื่อยในการทำงานหลายๆเดือนติดต่อกัน เวลานี้เป็นเวลาที่เราต้องมารวมน้ำใจกันอีกครั้งในการช่วยชาติแก้ปัญหา เพราะงานหนักรอเราอยู่ข้างหน้า เราไม่เคยคิดหวังกับรัฐบาล ไม่อยากใช้วาทกรรมเอาอยู่ เพราะขณะนี้ที่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมที่จ.สุโขทัย เชียงใหม่ อยุธยา และอ่างทอง ระทมกันเรียบร้อย และถ้ายังมีการบริหารจัดการเช่นนี้ เชื่อว่ากรุงเทพฯ ก็ต้องมารับชะตากรรมอีก

“เราต้องเหนื่อยกันอีกแล้ว ถึงแม้เราจะไม่ได้บริหารประเทศ แต่ก็มีสำนึกมากกว่าหลายคน การที่เราไปช่วยแล้วรัฐบาลกลับบอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ ถือเป็นเรื่องที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง แต่นี่คือภาระของเราในฐานะที่เป็นคนไทย สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำทั้งหมดไม่ใช่เรื่องการเมือง เราไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง” นายเฉลิมชัย กล่าว http://www.dailynews.co.th/politics/154638

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

คลิป รายการ นายแน่มาก วันที่ 10 กันยายน 2555 โดยคุณคฑาวุธและMr.BigBuff




รายการ นายแน่มาก วันที่ 10 กันยายน 2555 โดยคุณคฑาวุธและMr.BigBuff 28.36 MB.

ก๊ากกก Blue Sky Channel (บลูสกาย)อาการร่อแร่ นับถอยหลังแข่ง ASTV

แหล่งข่าวสำคัญเม้าท์มอยเรื่อง “ร่อแร่” ของ ASTV และ Blue Sky Channel ให้ฟัง นักแฉอย่าง SLs อดไม่ได้ เลยต้องจัดมาปูดให้ฟังสักดอกสองสอง
บลู สก๊อย เนี่ย คนลงทุนก็มีไม่กี่คน หนึ่งในทีมงานที่ร่วมหัวจมท้ายด้วยคนนึงคือ นาย ภูษิต ถ้ำจันทร์ เจ้าของ เดอะ สตูดิโอ ที่อยู่ ซอย ปรีดี 20 (วินของ มอเตอร์ไชค์รับจ้าง @motorcyrubjang คนดังทวีตเตอร์ ที่อยู่ตรงข้ามกัน) เดอะ สตูดิโอ เนี่ยย่ามใจ หลังจาก เททั้งคนทั้งของไปให้จัดรายการตั้งสถานีขึ้นมา ก็เชื่อว่าเงินจะมาแบบไหลมาเทมา แต่ อย่างที่ทราบๆกันคือ เงินสดนอกแบงค์ที่ ไอ้พวกนี้มันเก็บไว้เริ่มจะร่อยหรอ เพราะหาเพิ่มไม่ได้ ค่าใช้จ่าย ราวๆ 20 -30 ล้านบาท/เดือน ลองคิดดูสิ มันทำกันมากี่เดือนแล้ว แล้วเงินเข้าสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ดูพวกมัน ก็มีแต่คนเสื้อแดงที่เข้าไปดูเพื่อจะเอามาด่า
แหล่งข่าวยังเล่าพาเพลินถึง ASTV เลื้อยไปไกลถึง บางนา ต่อว่า
เขายอมรับสถานการณ์ว่ายิ่งกว่าขาลง คือรอวัน อะไรสักวันนึง เพื่อจะจบ จะเปลี่ยน หรืออะไรสักอย่าง สปอนเซอร์ถูกปิดทุกทาง ที่เคยมีมาก็ถอยหมด เงินที่เข้ามาก็มาทางลับ แบบคล้ายๆเงินขอกันมาแบบบริจาค แต่ห้ามบอกว่ามาจากใคร
นั่นเป็นเรื่อง ราวๆ 2 เดือนที่แล้ว จากนั้น เด็กในสังกัดพวกกราฟฟิก ทำเว็บและสายข่าวอื่นๆ ลาออกรวมๆ กันราว 20 คน แบบต้องจ้างให้ออก โดยการค้างค่าจ้างไว้ก่อน แล้วสัญญาจะทยอยจ่ายเงินที่ค้างให้ จนป่านนี้ได้กันครบหรือยังก็ไม่รู้
ส่วนเด็กบางคนที่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็ไปอยู่กับสำนักข่าวที่ได้เงินบำเรอจากภาษีประชาชนปีละ 2,000 ล้านบาท แต่อยู่ได้ไม่ถึงเดือนก็โดนเด็กสายบางนา ทั้งเขี่ย ทั้งบีบ จนอยู่ไม่ได้ เดือนร้อนผู้บริหารบางนาถึงกับต้องไปนั่งคุยกับผู้บริหารี่ท่าพระอาทิตย์ ยืนยันว่าไม่สามารถรับเด็กจากท่านพระอาทิตย์ไปบางนาได้ เพราะสภาพใกล้เคียงกัน แต่บางนายังสายป่านยาวกว่า ณ เวลานี้นะ แต่จากนี้ไปก็ไม่แน่….
มิตรสหายทั้งหลาย จึงอย่าได้ประหลาดใจไปเลย หากเราจะเห็นอาการดิ้นรนหนีตายเฮือกสุดท้ายของสื่อจัดตั้ง เอาเป็นว่ามานั่งนับถอยหลังกันดีกว่านะขอรับ

Blue Sky Channel อาการร่อแร่ นับถอยหลังแข่ง ASTV
http://www.siamleaks.com/top-news/2012/413.html

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ฮีโร่พาราลิมปิดเกมส์2012

เหรียญทอง บอคเซีย ทีมผสม (บีซี1-บีซี2) ที่ประกอบด้วย มงคล จิตเสงี่ยม, วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, พัทยา เทศทอง และวัชรพล วงศ์ษา

"ประวัติ วะโฮรัมย์"ซิวเหรียญเงินวีลแชร์เรซซิ่ง1,500ม.

 


พัทธยา เจ๋ง โค่นเจ้าภาพ คว้าเหรียญทองที่ 2 บอคเซียพาราลิมปิก

วันที่ 9 ก.ย. การแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2012 ครั้งที่ 14 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สนามเอ็กเซล เซาธ์ อารีนา 1 ทัพนักกีฬาพาราลิมปิกไทยมีลุ้นหยิบเหรียญทองในการแข่งขันบ็อกเซีย ประเภทเดี่ยว โดย พัธยา เทศทอง ลงสนามรอบชิงชนะเลิศ พบกับ เดวิด สมิธ นักกีฬาของเจ้าภาพ
ผลการแข่งขัน พัทธยา เทศทอง นักกีฬาบอคเซียคว้าเหรียญทองเหรียญที่ 2 ให้กับทัพนักกีฬาพาราลิมปิก โดยเอาชนะนักกีฬาของสหราชอาณาจักรไปได้แบบขาดลอย 7-0 http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56RTFOREUxT1E9PQ==&subcatid=
 

"รุ่งโรจน์"-ม้ามืดฮีโร่ปิงปองพาราลิมปิก   http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1346684317&grpid=03&catid=&subcatid=

การแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งเป็นวันรองสุดท้ายของการแข่งขัน ปรากฏว่า นักกีฬาตัวแทนจากไทย ยังคงโกยเหรียญเพิ่มเติมต่อเนื่อง ก่อนที่พิธีปิดการแข่งขันจะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ หลังจากที่ได้มาแล้ว 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง โดย ทีมวีลแชร์เรซซิ่งไทย ประกอบด้วย ประวัติ วะโฮรัมย์, สายชล คนเจน, โสภา อินทเสน และ ศุภชัย โกยทรัพย์ ลงแข่งขันรายการผลัด 4 คูณ 400 ม. ชาย T53/T54 ในรอบชิงชนะเลิศ ดวลความเร็วกับอีก 3 ชาติ คือ จีน, ออสเตรเลีย และ เกาหลีใต้ ก่อนที่ทีมวีลแชร์ไทยที่เคยคว้าเหรียญเงินมาได้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว จะยังคงรักษามาตรฐานเดิม ด้วยการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 คว้าเหรียญเงินมาได้อีกครั้ง ด้วยเวลา 3 นาที 13.28 วินาที ส่วนเหรียญทองเป็นของแชมป์เก่า ทีมชาติจีน เวลา 3 นาที 05.46 วินาที ซึ่งถือเป็นสถิติโลกด้วย และเหรียญทองแดงเป็นของทีมออสเตรเลีย เวลา 3 นาที 13.42 วินาทีจากเหรียญเงินดังกล่าว ส่งผลให้ล่าสุด ยอดเหรียญรวมของไทยอยู่ที่ 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดงและไทยอยู่อันดับที่ 31  อำนาจเจริญ เตรียมรับ "พัทธยา" ฮีโร่พาราลิมปิก ยิ่งใหญ่นายสวัสดิ์ และ นางฉวีวรรณ เทศทอง บิดา-มารดา ของ นายพัทธยา เทศทอง นักกีฬาบอคเซีย ชาวอำนาจเจริญ ดีใจเป็นอย่างมาก หลังบุตรชายชนะเลิศเหรียญทองกีฬาบอคเซีย พาราลิมปิกเกมส์ ที่กรุงลอนดอน โดยบรรยากาศที่บ้านแสนสุข ต.รัตนวารี อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ คึกคัก มีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน รวมถึง นางจันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี นายกสมาคมกีฬาจังหวัดอำนาจเจริญ และคณะ ที่เดินทางไปเยี่ยมแสดงความยินดี อย่างไรก็ตาม บิดาของ นายพัทธยา กล่าวว่า ลูกชายมีความอดทนและตั้งใจมุ่งมั่นมากในการแข่งขันกีฬา และต่อสู้ชีวิต เงินรางวัลที่ได้ครั้งนี้ จะนำมาลงทุนเพิ่มเติมในกิจการโรงงานเฟอร์นิเจอร์ และสร้างสนามสำหรับฝึกกีฬาบอคเซียที่บ้านเกิดทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้แจ้งว่า จะจัดพิธีต้อนรับ นายพัทธยา อย่างยิ่งใหญ่

สลิ่ม กะอักเลือดงานนี้ / ปชช.ส่วนใหญ่ 83.6% พอใจให้ ยิ่งลักษณ์ ทำงานต่อ

โพลล์ เผย ปชช.ส่วนใหญ่ 83.6% พอใจให้ ยิ่งลักษณ์ ทำงานต่อเอ แบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง 1 ปีรัฐบาล ประชัน 1 ปีฝ่ายค้าน โอกาสของนางสาวยิ่งลักษณ์ โอกาสของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร และประเด็นร้อนอื่นๆ ในสายตาของสาธารณชน พบว่า
เมื่อสอบถามความพอใจของประชาชนต่อนโยบายสาธารณะ ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์
นโยบายด้านสุขภาพ

56.8% พอใจพรรคเพื่อไทย

30.9% พอใจพรรคประชาธิปัตย์
12.3% ไม่พอใจทั้งสองพรรค

นโยบายด้านการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ
53.9% พอใจพรรคเพื่อไทย
35.1% พอใจพรรคประชาธิปัตย์
11.0% ไม่พอใจทั้งสองพรรค

นโยบายด้านค่าครองชีพ
30.3% พอใจพรรคเพื่อไทย
24.8% พอใจพรรคประชาธิปัตย์

นโยบายเรื่องแก้ปัญหายาเสพติด
31.2% พอใจพรรคเพื่อไทย
29.6% พอใจพรรคประชาธิปัตย์

นโยบายด้านการศึกษา
40.2% พอใจพรรคเพื่อไทย
46.7% พอใจพรรคประชาธิปัตย์

นโยบายด้านราคาสินค้าทางการเกษตร
34.5% พอใจพรรคเพื่อไทย
35.1% พอใจพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อศึกษา จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และปัญหาอุปสรรคของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์
เรื่องจุดแข็ง เช่น การแข่งขันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การเข้าถึงประชาชนเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง มีความชัดเจนในนโยบายสาธารณะ

52.6% จุดแข็ง พรรคเพื่อไทย
34.1% จุดแข็ง พรรคประชาธิปัตย์
เรื่อง จุดอ่อน เช่น ไม่แข่งขันกันในเชิงนโยบายสาธารณะ เอาแต่เล่นการเมือง มุ่งแย่งชิงอำนาจกันเกินไป คอยแต่จับผิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ผิดจริยธรรมทางการเมือง

28.2%จุดอ่อน พรรคเพื่อไทย
50.5%จุดอ่อน พรรคประชาธิปัตย์
โอกาส ของทั้งสองพรรค เช่น มีอำนาจบริหารจัดการงบประมาณและทรัพยากรของประเทศ มีอำนาจบริหารประเทศ

45.4% พรรคเพื่อไทย
45.9% พรรคประชาธิปัตย์

เมื่อศึกษา ปัญหาอุปสรรค เช่น การชุมนุมประท้วงหรือม็อบต่างๆ ความขัดแย้งภายในรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล

44.6% เป็นของพรรคเพื่อไทย
49.6% เป็นของพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อถามถึงโอกาสที่ประชาชนให้กับ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร
83.6% ระบุควรให้โอกาสทำงานต่อไป
16.4% ระบุไม่ควรให้โอกาสแล้ว
80.3% ระบุควรให้โอกาส พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ  ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้ในทุกคดี
19.7% ระบุไม่ควรให้โอกาส

เมื่อถามถึงผลงานของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ  ชินวัตร ต่อผลงานในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
74.3% ยังจำได้ต่อผลงานของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ  ชินวัตร ในการแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน
25.7% จำไม่ได้แล้ว

เมื่อถามประชาชนถึงสาเหตุที่จะทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่มั่นคง
90.2% ระบุปัญหาทุจริตคอรัปชั่น
81.7% ระบุความขัดแย้ง แย่งชิงผลประโยชน์ของคนในฝ่ายรัฐบาลเอง
74.3% ระบุความทุกข์ยากความเดือดร้อนของประชาชน
62.0% ระบุผู้มีอำนาจภายนอกรัฐบาล
57.3% ระบุการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำ
49.5% ระบุฝ่ายค้าน

เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่สนับสนุนให้รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรทำงานต่อไป
55.2% ระบุมากกว่า 2 ปีจนครบวาระ
20.1% ระบุ 1-2 ปี
10.0% ระบุ 6 เดือนถึง 1 ปี
14.7% ระบุไม่เกิน 6 เดือน
http://news.mthai.com/general-news/189174.html
 http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=649166

twitter

ห้องแชทKonthaiuk