PEACE TV LIVE

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คลิป แถลงการณ์ นายกฯยิ่งลักษณ์ประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง 3 เขต วันที่22พย.55






กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพ



วันนี้ ดิฉันขอใช้เวลาของพี่น้องประชาชน  เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในประเด็นที่รัฐบาลได้ตัดสินใจประกาศใช้มาตรการ ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในพื้นที่เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายและเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕



ดิฉัน ขอเริ่มด้วยการเน้นย้ำว่า รัฐบาลยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  เชื่อมั่นในเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและเชื่อมั่นว่าการใช้เวทีรัฐสภาที่ ประกอบด้วยตัวแทนที่มาจากประชาชนมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหา ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันและความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นวิถีทางที่ถูกต้องตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย  ทั้งนี้ รัฐสภายังมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล  ดังที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งดิฉันก็พร้อมที่จะรับฟังและชี้แจงตามวิถีทางประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา



และ ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาโดยการเลือกตั้งจากประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  ดิฉันยืนยันว่าทุกเรื่องที่ดิฉันและรัฐบาลได้ตัดสินใจ จะยึดถือผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ทั้งจะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่ง สถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน



อย่างไรก็ตาม ความเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่การมีสิทธิเสรีภาพเพียงเท่านั้น แต่ต้องมีระบบระเบียบความเป็นนิติรัฐ นิติธรรม และการที่สังคมจะอยู่ร่วมกันได้  ย่อมมีกฎกติกาขอบเขตของสิทธิเสรีภาพโดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น  ทั้งยังมีหน้าที่จะต้องช่วยกันรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยไม่ให้ถูกคุก คาม



สำหรับการชุมนุม ประท้วง เรียกร้องใด ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะที่มีพื้นฐานมาจากความเดือดร้อนของประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดนั้น สามารถทำได้เป็นสิทธิเสรีภาพที่รับประกันไว้ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยที่การชุมนุมต้องเป็นไปอย่างสงบสันติปราศจากอาวุธ และอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย  ซึ่งดิฉันก็พร้อมที่จะรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเรียกร้อง และพร้อมที่จะร่วมแก้ปัญหาความเดือดร้อนนั้นๆ ให้หมดสิ้นไป



แต่ หากการรวมตัวชุมนุมกัน  ซึ่งจากรายงานของฝ่ายความมั่นคง เป็นการระดมผู้คนจำนวนมากภายใต้แกนนำที่มีท่าทีที่ต้องการจะล้มล้างรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้ง ล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ทั้งพร้อมที่จะใช้ความรุนแรง มีแนวคิดที่จะบุกรุกสถานที่สำคัญ และสร้างความวุ่นวายกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นปกติของสาธารณชนเพื่อ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งเมื่อเป็นภัยต่อความมั่นคงและสันติสุขของประชาชน   ซึ่งดิฉันไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น แต่รัฐบาลย่อมต้องมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นของบุคคลใด ทั้งผู้ที่มาชุมนุมและประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญรัฐบาลจะต้องรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว กลไกการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตามปกติไม่สามารถรองรับได้  จึงเป็นที่มาของมติคณะรัฐมนตรีในวันนี้



มาตรการตามกฎหมาย ที่กำหนดนั้น ก็เพื่อให้สามารถป้องกันและระงับภัยที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีและมี ประสิทธิภาพ ซึ่งการมีหน่วยปฏิบัติงานหลักก็เพื่อรับผิดชอบบูรณาการและประสานการปฏิบัติ ร่วมกับทุกส่วนราชการในยามที่เกิดสถานการณ์อันเป็นภัยต่อประชาชนในพื้นที่ใด พื้นที่หนึ่ง  การปฏิบัติการต่างๆ จะเป็นไปอย่างรอบคอบ ปราศจากอาวุธและเป็นไปตามมาตรฐานสากล  ทั้งนี้ดิฉันต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางและ บริเวณการชุมนุม เพื่อความสงบเรียบร้อย ความสะดวกและความปลอดภัยของท่านเอง



มาตรการ และกลไกต่างๆ จะเน้นการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก และเมื่อเหตุการณ์พัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น ก็จะมีการยกเลิกการใช้มาตรการเหล่านั้นทันที



ดิฉันขอยืนยัน ว่า เมื่อได้รับการเลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้ว ดิฉันมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และพัฒนาประเทศ  อีกทั้งนำความสงบสันติคืนให้กับประเทศไทย  ดิฉันเชื่อว่าการลดความขัดแย้งทางการเมืองและการปรองดอง เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่ น้องประชาชนทุกคนโดยไม่คำนึงถึง เชื้อชาติ ศาสนา ชนชั้น หรือสีเสื้อใด ๆ



ขอ ขอบคุณสำหรับการให้โอกาสดิฉันทำงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนและให้กำลังใจมา ณ ที่นี้  ดิฉันขอให้คำมั่นว่าจะไม่ย่อท้อและจะทำงานอย่างสุดความสามารถดังที่ตั้งใจ และสัญญากับพี่น้องประชาชน



สวัสดีค่ะ

ดูชัดๆ เอกสาร “ม็อบแช่แข็ง” เตรียมการป่วน !!!

เอกสาร “ม็อบแช่แข็ง” เตรียมชุมนุมหลุด ประจานแผนจัดตั้ง – เตรียมการป่วน !!!

 http://www.siamleaks.com/top-news/2012/812.html


Posted by bigeditor on 22 Nov 2012 / 0 Comment



หลังจาก Siamleaks ได้เปิดเผยพฤติกรรมการระดมพลชุมนุม “แช่แข็งประเทศไทย” ของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม ล่าสุดพบข้อมูลเอกสารการเตรียมการของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่จะชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จำนวนทั้งสิ้น 7 ชิ้นคือ 1.เป็นแผนที่แสดงจุดสำคัญๆ ในการชุมนุม อาทิ สนามม้านางเลิ้ง จุดจอดรถ จุดรวมพล จุดพักผ่อน ที่ทานอาหาร และที่ตั้งกองกำลังพิทักษ์สยาม
เอกสาร ชิ้นที่ 2 เป็นเอกสารแสดงแผนผังลานพระบรมรูปทรงม้า แจ้งเส้นทางและพิกัดสถานที่หลบภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน 3 จุด คือ 1.สนามเสือป่า 2.วัดเบญจบพิตร และ 3.วังสวนจิต โดยมีการทำลูกศรชี้ทิศทางการเดินทางไปยังจุดต่างๆ ครบถ้วน

เอกสารชิ้นที่ 3 เป็นเอกสารเชิญชวนให้ร่วมการชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม
เอกสารชิ้นที่ 4 เป็นแผนการเดินทางและการปฏิบัติตนระหว่างการชุมนุม โดยมีรายละเอียดเป็นชื่อผู้ประสานงานและเบอร์โทรศัพท์พร้อมทั้งหมด รวมไปถึงการเตรียมตัวมาร่วมชุมนุมและอุปกรณ์สำหรับยังชีพระหว่างชุมนุม
เอกสารชิ้นที่ 5 เป็นการชี้แจงการปฏิบัติตนระหว่างการเดินทาง ผู้ประสานงานพร้อมเบอร์ติดต่อและแผนเผชิญเหตุระหว่างเดินทาง

เอกสารชิ้นที่ 6 เป็นแผนการเชิญเหตุระหว่างการชุมนุม โดยระบุเอาไว้ชัดเจนว่า 1.ให้นั่งจับกลุ่มชุมนุมกัน ห้ามแยกตัวออกไปไหนและถ้าจะไปไหนให้มีบัดดี้ไปด้วย 2.ให้ปฏิบัติตามคำสั่งและคำชี้แจงของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์และหากมีการเคลื่อนมวลชนไปยังที่ต่างๆ ให้อยู่ด้านข้างหรือด้านหลังของมวลชน โดยมีการ์ดดูแลความปลอดภัย 3.หากมีเหตุฉุกเฉินให้ไปหลบอยู่ในจุดที่กำหนด 3 จุดเมื่อเหตุการณ์สงบแล้วให้มารวมตัวกันที่สนามม้านางเลิ้ง


เอกสารชิ้นที่ 7 เป็นเอกสารชี้แจงการติดต่อสื่อสารระหว่างเดินทาง โดยมีชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ผู้ประสานงานอย่างชัดเจน

กลายเป็นเอกสารการเตรียมการทั้งหมด ที่แสดงเจตนารมณ์การชุมนุมครั้งนี้อย่างชัดเจนที่สุด !!!

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จดหมายเปิดผนึก จากป้าสมจิตต์ ถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

 
จดหมายเปิดผนึกถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี

ก่อนอื่นคงต้องขอโทษเพื่อนสื่อมวลชนทุกสังกัดด้วยนะคะ ที่ตัวเองกลายเป็นเงื่อนไขทำให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนอาจปฏิบัติได้ไม่เต็ม ที่ เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ประกาศว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์ในวงที่มีสมจิตต์ รวมอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้เพื่อนสื่อพลาดโอกาสในการทำข่าวอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

มีประเด็นที่อยากกราบเรียนถึง ร.ต.อ.เฉลิม ดังนี้ ค่ะ

1 ท่านรู้จักหนูมานานถึงขนาดบางครั้งก็หยอกว่าเป็นแฟนกัน และะทักทายอย่างเอ็นดูทุกครั้ง(ในอดีต) ท่านเคยแก้ต่างให้หนูใน ครม.ว่านักข่าวคนนี้ตรงไปตรงมา ไม่มีนอกมีใน หนูยังรู้สึกขอบคุณท่านที่เข้าใจการทำหน้าที่ของสื่อ และอยากบอกว่านักข่าวที่ท่านเชื่อว่าเป็นคนตรงไปตรงมา ยังคงทำหน้าที่เหมือนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าท่านจะกรุณามองย้อนกลับไป หนูเชื่อว่าท่านจะเข้าใจเหมือนที่ท่านเคยเข้าใจ เพราะเราไม่ใช่ศัตรูกัน เพียงแต่มีหน้าที่ต่างกันเท่านั้นเอง

2 แม้ว่าหนูจะเป็นสื่อมวลชนแต่อีกสถานะหนึ่งหนูก็คือประชาชนที่อยู่ภายใต้การ ดูแลของรัฐบาลที่มีท่านเป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นรัฐบาลที่ประกาศว่าจะบริหารงานให้กับคนทั้งประเทศอย่างเท่าเทียมกัน การที่ท่านแบ่งแยกหนูจนไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ และยังกระทบไปถึงสื่ออื่นด้วยนั้น ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

3 นักการเมืองกับนักข่าวก็เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า พวกเราหาข่าวจากท่าน ส่วนท่านก็ใช้สื่อมวลชนในการสื่อสารกับประชาชน สิ่งที่ท่านทำจะทำให้รัฐบาลเสียโอกาสในการสื่อสารกับคนไทย ยกเว้นแต่ว่ารัฐบาลของท่านต้องการสื่อสารด้านเดียวโดยไม่พร้อมที่จะให้มีคำ ถามตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเราจะเรียกรัฐบาลที่มีแนวคิดเช่นนี้ว่าเป็น "รัฐบาลประชาธิปไตยได้หรือไม่"

4 ท่านทำงานการเมืองมานานย่อมทราบดีว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองอยู่ในสภาวะเช่น ไร หากท่านมีหัวใจรักประชาชนจริง หนูเชื่อว่าท่านตอบได้ทุกคำคำถามเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยให้กับคนไทยไม่ ว่าจะออกจากปากนักข่าวคนไหนก็ตาม เว้นแต่ว่าท่านจะกลัวความจริง

5 สิ่งที่อยากเรียนให้ท่านรับทราบคือ คนเป็นสื่อมวลชนเมื่อเห็นแหล่งข่าวอยู่ตรงหน้า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เข้าไปทำหน้าที่ตั้งคำถามเพื่อหาความจริงให้กับ ประชาชน ถ้าหนูพบท่านก็ต้องทำหน้าที่ แล้วท่านจะไม่ทำหน้าที่ของตัวเองหรือคะ

ท้ายนี้หนูกราบขอบพระคุณที่ครั้งหนึ่งท่านเคยเข้าใจการทำหน้าที่สื่อมวลชน ของหนู แม้ว่าในวันนี้ความคิดท่าจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ตาม และขอย้ำอีกครั้งนะคะว่า เราไม่ใช่ศัตรูกัน อย่าผลักหนูไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลยนะคะ บ้านเมืองเราแตกแยกมามากพอแล้ว ประชาชน 15 ล้านเสียงที่เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามา ก็หวังที่จะให้พวกท่านช่วยสมานบาดแผลแผ่นดิน สร้างสุข สบายทุกข์ ไม่ใช่แบ่งแยกคนไทย
 https://www.facebook.com/mata.vayu/posts/10151248110007580

twitter

ห้องแชทKonthaiuk