PEACE TV LIVE

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เมื่อนักข่าวเจอ...รมว.“ชัชชาติ แอบนั่งรถเมล์คนเดียว


Posted by Darknews , ผู้อ่าน : 883 , 12:20:29 น.
หมวด : ทั่วไป 

 พิมพ์หน้านี้ 
  โหวต 1 คน BlueHill โหวตเรื่องนี้ 

เมื่อนักข่าวเจอ...รมว.“ชัชชาติ" แอบนั่งรถเมล์คนเดียว
(เล่าเรื่องโดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น)

วันนี้(27 มิ.ย.56) เวลาประมาณ 11.00น. ผมนั่งรถเมล์สาย 201 ผ่านด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนิน เพื่อมาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล และเมื่อมองลงนอกรถไปที่ป้ายรถเมล์หน้ากระทรวงฯพบว่าคุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม นั่งอยู่ที่ป้าย โดยรมว.คมนาคมแต่งกายด้วยเสื้อเชิตสีขาวแขนยาวพับแขนเล็กน้อย กางเกงสแล็ค โดยไม่มีกระเป๋าหรือสัมภาระใดๆ ผมจึงรีบลงรถเมล์ป้ายถัดไปแล้วเดินย้อนกลับมาพูดคุยกับนายชัชชาติ


ที่ป้ายรถเมล์ที่คุณชัชชาตินั่งอยู่ มีประชาชนอีก 4-5คน รอรถเมล์อยู่ และเมื่อคุณชัชชาติเห็นผมก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มและรับไหว้เพราะคุ้นเคยกัน


คุณชัชชาติพูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและสอบถามผมว่านั่งรถมาจากไหนอย่างไร พร้อมกับบอกว่า “ที่มานั่งรอรถเมล์ตามนโยบายของตัวเอง เพื่ออยากจะรับรู้ปัญหาของชาวบ้านจริงๆว่าระบบขนส่งของขสมก.มีปัญหายังไง เพื่อจะได้รู้ว่าถ้าซื้อรถเมล์มาแล้วจะให้บริการประชาชนยังไงให้คุ้มค่าที่สุด ตอนนี้ผมมีรถประจำตำแหน่งจึงไม่รู้ว่าปัญหาจริงๆเป็นอย่างไร”


“ถ้าถามว่าผมนั่งรถเมล์ครั้งสุดท้ายเมื่อไรก็คงเป็นสมัยที่ยังเรียนหนังสือเมื่อ20ปี ที่แล้ว ซึ่งผมก็พบว่ารถเมล์สาย 47 ที่ผมเคยนั่งเรียนพิเศษสมัยที่เรียนเตรียมอุดมฯก็ยังอยู่ ตอนนั้นรถเมล์เป็นสภาพไหนตอนนี้ก็ยังสภาพนั้น”


คุณชัชชาติ บอกว่า ตอนนี้รอสาย 509 อยู่ เพื่อนั่งไปลงอนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ แล้วก็จะต่ออีกสายไปถึงสนามบินดอนเมืองเพื่อไปขึ้นเครื่องบินไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างจังหวัด แต่ปรากฏว่านั่งรอมานานกว่า20นาทีแล้ว รถก็ยังไม่มาซึ่งไม่รู้ว่าปล่อยรถกันอย่างไร เพราะดูจากชาวบ้านที่มารอก่อนก็ยังไม่มีใครได้ขึ้นรถเลย


ขณะที่พูดคุยอยู่นั้น คุณชัชชาติก็อ่านข้อความในแอพพลิเคชั่น Line ในโทรศัพท์ iPhone5 ซึ่งมีคนคอยส่งข้อความแจ้งว่าต้องนั่งรถสายอะไรแล้วต่อสายอะไรเพื่อไปให้ถึงดอนเมือง และปรากฏว่าระหว่างนั้นก็มีรถเมล์สาย 70 (สนามหลวง-ประชานิเวศน์3) ซึ่งเป็นรถแอร์สีส้ม ที่วิ่งตามกันมา2คันรวด คุณชัชชาติถึงกับบ่นอุบว่า “สายนี้ปล่อยรถกันอย่างไร ทำไมถึงมา2คันซ้อนได้ แล้วคันหลังที่วิ่งตามมาก็ไม่มีคนขึ้นนะสิ”


จากนั้นคุณชัชชาติ ก็เล่าถึงการขึ้นรถเมล์เองคนเดียวว่า “ทดลองขึ้นมาหลายวันแล้ว พร้อมกับข้าราชการซี9ของกระทรวงที่ต้องลองขึ้นด้วย ผมโชคดีที่ไม่มีคนรู้จัก ก็ดีที่ได้เห็นปัญหาจริง พบว่าปัญหาของรถเมล์คือเรื่องการบริการถ้าบริการดีใครก็อยากขึ้น”


พร้อมกันนี้คุณชัชชาติก็ให้ความสนใจกับปัญหาของรถแท็กซี่ที่มีปัญหาไม่รับผู้โดยสาร ผมจึงแนะนำให้คุณชัชชาติลองไปทดลองโบกที่หน้าห้างสยามพารากอน ย่านประตูน้ำ และหน้าห้างมาบุญครอง ก็จะทราบปัญหานี้ ท่านก็บอกด้วยว่าปัญหานี้แก้ยาก เพราะการไล่จับก็ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพราะแท็กซี่มีจำนวนมาก


แล้วคุณชัชชาติก็แลกเปลี่ยนถึงปัญหาของรถตุ๊กตุ๊ก โดยบอกว่ารถตุ๊กตุ๊กบางส่วนทำให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยว รับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและพาไปส่งตามร้านตัดสูท ร้านเจลวิลลี่ ซึ่งเป็นการบังคับทั้งที่เขาไม่ได้อยากไปซื้อของ ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาช่วยอีกแรง


คุณชัชชาติยังพูดถึงปัญหารถตู้ร่วมบริการในกทม. ที่ยังพบว่ามีรถเถื่อน รถป้ายขาว และรถเก่าที่หมดอายุแล้วนำมาวิ่งบริการ พบว่ารถพวกนี้จะรับผู้โดยสารให้เต็มคันก่อนแล้วก็ดึงป้ายหน้ารถออกเพื่อไม่ให้ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่กรมขนส่งรู้ว่านี่คือรถตู้โดยสารเถื่อน รวมทั้งยังมีการแจ้งกันผ่านทางวิทยุสื่อสารเพื่อแจ้งพิกัดว่ามีด่านตรวจอยู่ตรงจุดไหนเพื่อเลี่ยงเส้นทางด้วย


ระหว่างที่มีการพูดคุยกันอยู่นนั้น คุณชัชชาติพยายามลุกขึ้นไปชะเง้อดูรถเมล์สาย509 เป็นระยะๆว่ามาหรือยัง หลังจากรอนานเกิน 30นาที และบอกกับผมว่าถ้ามีธุระอะไรก็ไปก่อนได้ รอคนเดียวได้ไม่ต้องมารอเป็นเพื่อน ผมจึงขอตัวมาทำงานต่อ


จากนั้นไม่นานคุณชัชชาติได้ส่ง SMS มาบอกว่า "ได้ขึ้นรถแล้วครับ 555" แต่หลังจากนั้นก็ส่งSMS มาใหม่ว่า "สรุปว่าไม่สำเร็จต้องขึ้นรถเก๋งที่อนุเสารีย์ กลัวตกเครื่องคราวหน้าลองใหม่" ผมจึงโทรไปสอบถาม ท่านบอกว่า “ที่ต้องเปลี่ยนใจนั่งรถเก๋ง เพราะเครื่องจะออกเวลา13.50น. ดูเวลาแล้วนั่งรถเมล์ไปคงไม่ทัน เอาไว้คราวหน้าลองใหม่ เพราะตกเครื่องบินเป็นเรื่องใหญ่กว่า ฮ่าๆๆ”


(ผมกับ รมว.ชัชชาติครับ)
http://www.oknation.net/blog/darknews/2013/06/28/entry-1#.Uc1ZE77F3eg.twitter

เมื่อสื่อไทย โชว์โง่ ไปทั่วโลก / ข่าว "เค-วอเตอร์" หนี้ท่วม - ที่แท้สื่อไทยอ่านงบผิด

ข่าว "เค-วอเตอร์" หนี้ท่วม - ที่แท้สื่อไทยอ่านงบผิด

อ่านผลประกอบการหน้าเว็บบริษัทจัดการน้ำจากเกาหลีใต้ "เค-วอเตอร์" พบยังได้กำไรสุทธิ - มูดี้ส์ให้เครดิตระดับ A1 ส่วนกระแสข่าวหนี้ท่วม มีที่มาจากวงเสวนาจัดการน้ำที่สมาคมนักข่าวฯ มีการเชิญนักสิ่งแวดล้อมเกาหลีใต้ร่วมเสวนา ก่อนกลายเป็นข่าวพาดหัวหลายสื่อ
ตามที่บริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์ปอเรชั่น หรือ "เค-วอเตอร์" รัฐวิสาหกิจของเกาหลีใต้ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ชนะการประมูลการก่อสร้างตามแผนพัฒนาการทรัพยากรน้ำ โดย "เค วอเตอร์" สามารถประมูลการก่อสร้างได้ 2 โครงการ คือ คือ โมดูล เอ 3 และโมดูล เอ 5 ซึ่งเป็นโครงการแก้มลิงและฟลัดเวย์ ภายใต้วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท
และต่อมาเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) มีสื่อมวลชนไทยหลายฉบับ รายงานข่าวดังกล่าวในทำนองว่า "เค-วอเตอร์" เป็นบริษัทที่มีปัญหาทางการเงิน และดำเนินโครงการล้มเหลวในเกาหลีใต้ เช่น โพสต์ทูเดย์ พาดหัวข่าวว่า"ชำแหละ" เค-วอเตอร์"หนี้ท่วม-ทำโครงการเหลว"
โดยผู้สื่อข่าวประชาไทพบว่าข่าวดังกล่าว ใช้ข้อมูลจากการเสวนา "เวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการน้ำ ระหว่างเครือข่ายภาคประชาชนไทย และเครือข่ายสิ่งแวดล้อมประเทศเกาหลีใต้" จัดโดยโครงการสื่อสุขภาวะชุมชนชายขอบและชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถ.สามเสน เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ในรายการดังกล่าว ได้อ้างอิงการอภิปรายของวิทยากรในการเสวนาดังกล่าว คือ นายยัม ฮยุง ชอล (Yum Hyung Cheol) ผู้อำนวยการสหพันธ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีใต้ (Korean Federation for Environmental Movement : KFEM ) ซึ่งให้ข้อมูลว่า
"ในปี 2012 จะพบว่าทรัพย์ของบริษัทเค-วอเตอร์ อยู่ที่ 6.76 แสนล้านบาท ทุนอยู่ที่ 3.04 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นหลัก 99.9% มีรายได้ 2.27 แสนล้านบาท ขณะที่หนี้สินอยู่ที่ 3.72 แสนล้านบาท ภาษีที่ได้ 9.9 หมื่นล้านบาท รายได้สุทธิอยู่ที่เพียง 8,000 ล้านบาทเท่านั้น"
"เมื่อไปดูประวัติการทำโครงการของเค-วอเตอร์ ในเกาหลี ตั้งแต่ปี 1967 ที่ก่อตั้งบริษัทในฐานะรัฐวิสาหกิจ จากช่วงปี 1970-1980 ได้งานก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่จำนวนมากทั่วประเทศเกาหลี"
"ถัดมาในปี 1980-1990 ย้ายไปรับงานระบบประปาและระบบน้ำ หลังจากนั้นตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา เริ่มทำงานที่ไม่ใช่ภารกิจหลัก แต่เป็นการก่อสร้างในภารกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำตลอดชายฝั่ง การก่อสร้างพนังกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วม"
"สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทเค-วอเตอร์ ตั้งแต่ปี 2006-2012 เห็นได้ว่าทุนจะอยู่เท่าเดิม แต่หนี้สินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยในปี 2012 จะเห็นว่าหนี้สินสูงกว่าทุน ฉะนั้นเท่ากับว่าสถานการณ์ทางการเงินของเค-วอเตอร์ย่ำแย่ ภายในระยะเวลา 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2009-2012 การดำเนินงานใน 2 โครงการหลักของเค- วอเตอร์ ได้แก่ 1.พัฒนาแหล่งน้ำหรือ 4 rivers project 2.พัฒนาคลองใช้เป็นฟลัดเวย์ พบว่าหนี้สินเพิ่มขึ้นถึง 758%”

นอกจากโพสต์ทูเดย์แล้ว ยังมีรายงานข่าวในสื่อไทยหลายฉบับ โดยข้อมูลมาจากวงเสวนาเดียวกัน เช่น สำนักข่าวอิศรา รายงานโดยพาดหัวว่า "NGO เกาหลีใต้ แฉ “เค-วอเตอร์” หนี้ท่วมหมื่นล้าน เชื่อทำฟลัดเวย์ในไทยไม่สำเร็จ" เดลินิวส์ พาดหัวข่าวว่า "นักสิ่งแวดล้อมเกาหลีใต้ชี้ "เค วอเตอร์" ทำผิดกฎหมายการเงิน-สิ่งแวดล้อม"
แนวหน้า รายงานโดยพาดหัวข่าวว่า "สื่อเกาหลีใต้แฉซ้ำ หนี้สินท่วม บี้สอบ ‘เค วอเตอร์’ งานแย่ไร้ประสิทธิภาพ เคยทำโครงการเจ๊งยับ นิวัฒน์ธำรงโต้ดีจริง" ส่วน เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ พาดหัวข่าวว่า"นักสิ่งแวดล้อมโสมขาวชำแหละ “เค วอเตอร์” ประวัติฉาว หวั่นโครงการน้ำ 3.5 แสนล.มีปัญหา"
ส่วน ไทยโพสต์ พาดหัวข่าวว่า "ทักษิณคบคิดKวอต้ม แฉประวัติบริษัทสุดแสบ/ลุ้นศาลเบรกเค้กน้ำ" พาดหัวรองว่า "แฉประวัติสุดแสบ เค วอเตอร์ สร้างหนี้ ก่อปัญหาสิ่งแวดล้อม ฉีกกฎหมาย ฮั้วก่อสร้าง เอ็นจีโอเกาหลีใต้ระบุทั้ง ป.ป.ช.และ สตง.แดนกิมจิตามตรวจสอบเข้มข้น และพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 70% ไม่พอใจ ฮือฮารูปหมู่ "ทักษิณ-ผู้บริหารเค วอเตอร์" ว่อนเน็ต หึ่งตกเขียวโครงการล่วงหน้า พลิกปูม "แม้ว-ปู" ไปเกาหลีแล้วคนละ 2 หน ระทึก! ศาลปกครองสั่งคดีเอาอยู่ 3.5 แสนล้าน"
และหลังการนำเสนอข่าวดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้ความเห็นผ่านรายการ "วันฟ้าใหม่" ทางสถานีโทรทัศน์ Blue Sky Channel ด้วยโดยเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจง โดยกล่าวว่า โครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะกรณีบริษัทเค วอเตอร์ที่มีหนี้สินจำนวนมากกลับได้ประมูลมากที่สุดนั้น ทางรัฐบาลโดยเฉพาะคณะกรรมการที่เป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติของบริษัทต่างๆ ต้องออกมาชี้แจงตามข้อเท็จจริง นอกจากนี้ รัฐบาลต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นไปตามกฎเกณท์กติกา ผลประกอบการ หนี้สิน ภาพรวมการทำงานของบริษัทเป็นอย่างไร เพราะเมื่อมีคนของเกาหลีมาตั้งข้อสังเกตรัฐบาลก็ต้องรับฟัง การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปเกาหลีก็มีคนมาวิจารณ์ว่าบริษัทนี้จะได้ประมูลแล้วก็ได้จริงๆ  เอาเข้าจริงบริษัทเค วอเตอร์คงไม่ดำเนินการโครงการเอง แต่อาจจะให้บริษัทของไทยเป็นผู้ดำเนินการต่อ

000
อ่านผลประกอบการหน้าเว็บบริษัท-ยังได้กำไร-มูดี้ส์ให้เครดิต A1
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวประชาไท เทียบรายงานที่สื่อฉบับต่างๆ นำเสนอในเรื่องผลประกอบการของเค-วอเตอร์ เทียบกับผลประกอบการของบริษัท ปี ค.ศ. 2012 ซึ่งอยู่ในเว็บไซต์ของบริษัทดังกล่าว ซึ่งพบว่า ในปี ค.ศ. 2012 ผลประกอบการของบริษัทซึ่งมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจเกาหลีใต้ดังกล่าว แม้จะมีหนี้สิน แต่ก็ได้กำไร และไม่ได้ขาดทุนสะสมอย่างที่มีการนำเสนอข่าว
โดยในปี ค.ศ.2012 เค-วอเตอร์ มีสินทรัพย์ 25,016,382,827,000 วอน (25.02 ล้านล้านวอน) หรือ 6.77 แสนล้านบาทโดยประมาณ มีหนี้สิน 13,777,920,820,000 วอน (13.78 ล้านล้านวอน) หรือ 3.73 แสนล้านบาทโดยประมาณ มีเงินลงทุน 11,238,500,000,000 วอน (11.2 ล้านล้านวอน) หรือ 3.04 แสนล้านบาทโดยประมาณ
นอกจากนี้ในปี ค.ศ. 2012 เค-วอเตอร์ มีรายรับ 3,668,445,409,000 วอน (3.67 ล้านล้านวอน) หรือ 9.93 หมื่นล้านบาทโดยประมาณ มีกำไรก่อนเสียภาษี 401,689,496,000 วอน (4.02 แสนล้านวอน) หรือ 1.09 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลังเสียภาษี 308,295,352,000 วอน (3.08 แสนล้านวอน) หรือ 8.35 พันล้านบาท
ส่วนที่สื่อมีการนำเสนอของนายยัม ฮุง ชยอล ผู้อำนวยการสหพันธ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีใต้ (KFEM) ที่รายงานว่าสถานการณ์การเงินของ เค วอเตอร์ มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จนมีหนี้สินสูงกว่าทุน "พบว่ามีหนี้สินเพิ่มขึ้นถึง 758%" ฯลฯ นั้น ผู้สื่อข่าวประชาไทได้ตรวจสอบส่วนผลประกอบการย้อนหลังของ 7 ปีก่อน พบว่าเค-วอเตอร์มีหนี้สินเพิ่มขึ้น จากเดิมในปี ค.ศ. 2006 มีหนี้สิน 1.74 ล้านล้านวอน มาเป็น 13.78 ล้านวอน ในปี ค.ศ. 2012 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหนี้สินสะสมเพิ่มขึ้นทุกปี และผลประกอบการของเค-วอเตอร์ ยังคงก็มีกำไรสุทธิ
โดยใน ค.ศ. 2006 เค-วอเตอร์ มีสินทรัพย์ 11,397,405,000,000 วอน (11.40 ล้านล้านวอน) หรือ 3.09 แสนล้านบาท มีหนี้สิน 1,743,575,000,000 วอน (1.74 ล้านล้านวอน) หรือ 4.72 หมื่นล้านบาท มีรายรับ 1,721,104,000,000 วอน (1.72 ล้านล้านวอน) หรือ 4.66 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลังเสียภาษี 217,005,000,000 วอน (2.17 แสนล้านวอน) หรือ 5.88 พันล้านบาท
ค.ศ. 2007 พบว่า เค-วอเตอร์ มีสินทรัพย์ 11,443,850,000,000 วอน (11.43 ล้านล้านวอน) หรือ 3.1 แสนล้านบาท มีหนี้สิน  1,575,552,000,000 วอน (1.58 ล้านล้านวอน) หรือ 4.27 หมื่นล้านบาท มีรายรับ 1,498,004,000,000 วอน (1.50 ล้านล้านวอน) หรือ 4.06 หรือหมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลังเสียภาษี 158,736,000,000 วอน (1.58 แสนล้านวอน) หรือ 4.30 พันล้านบาท
ค.ศ. 2008 เค-วอเตอร์ มีสินทรัพย์ 11,981,700,000,000 วอน (11.98 ล้านล้านวอน) หรือ 3.24 แสนล้านบาท มีหนี้สิน 1,962,286,688,000 วอน (1.96 ล้านล้านวอน) หรือ 5.31 หมื่นล้านบาท มีรายรับ 2,044,532,725,000 วอน (2.04 ล้านล้านวอน) หรือ 5.54 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลังเสียภาษี 138,773,516,000 วอน (1.39 แสนล้านวอน) หรือ 3.76 พันล้านบาท
ค.ศ. 2009 เค-วอเตอร์ มีสินทรัพย์ 13,277,070,000,000 วอน (13.28 ล้านล้านวอน) หรือ 3.60 แสนล้านบาท มีหนี้สิน 2,995,639,000,000 วอน (3 ล้านล้านวอน) หรือ 8.11 หมื่นล้านบาท มีรายรับ 2,005,384,000,000 วอน (2 ล้านล้านวอน) หรือ 5.43 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิหลังเสียภาษี 81,576,000,000 วอน (8.16 หมื่นล้านวอน) หรือ 2.21 พันล้านบาท
ค.ศ. 2010 เค-วอเตอร์ มีสินทรัพย์ 18,484,424,534,000 วอน (18.48 ล้านล้านวอน) หรือ 5.01 แสนล้านบาท มีหนี้สิน 7,960,714,386,000 วอน (7.96 ล้านล้านวอน) หรือ 2.16 แสนล้านบาท มีรายรับ 2,144,749,561,000 วอน (2.14 ล้านล้านวอน) หรือ 5.81 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิหลังเสียภาษี 142,103,845,000,000 วอน (1.42 แสนล้านวอน) หรือ 3.95 พันล้านบาท
และ ค.ศ. 2011 เค-วอเตอร์ มีสินทรัพย์ 23,425,915,630,000 วอน (23.43 ล้านล้านวอน) หรือ 6.34 แสนล้านบาท มีหนี้สิน 12,580,936,220,000 วอน (12.58 ล้านล้านวอน) หรือ 3.41 แสนล้านบาท มีรายรับ 6,325,785,989,000 วอน (6.33 ล้านล้านวอน) หรือ 1.71 แสนล้านบาท มีกำไรสุทธิหลังเสียภาษี 293,267,171,000 วอน (2.93 แสนล้านวอน) 7.94 พันล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในเว็บไซต์ เค-วอเตอร์ ยังเผยแพร่ผลการจัดอันดับเครดิตของสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส หรือมูดี้ส์ ให้เค-วอเตอร์ อยู่ในระดับ A1 และ S&P ให้เค-วอเตอร์อยู่ในอันดับ A+
อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. รายการฮาร์ดคอร์ข่าว ออกอากาศทาง ททบ.5 มีการนำเสนอข่าวกรณีเค-วอเตอร์ ชนะประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทย 2 โครงการ โดยก่อนเข้าสู่รายงานดังกล่าว ผู้ประกาศข่าวได้กล่าวแนะนำรายการว่า "มีการเปิดเผยข้อมูลว่าบริษัทเค-วอเตอร์นั้นมีหนี้สินอยู่ถึง 700% และไม่เคยรับหน้าที่ในการบริหารจัดการกับโครงการขนาดใหญ่ ก็เลยกังวลกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น" อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่รายงานพิเศษได้ประมาณ 30 วินาที ก็ถูกตัดเป็นโฆษณาทีโอทีแทน และไม่มีการออกอากาศรายงานข่าวดังกล่าวอีก (ชมวิดีคลิป) โดยภายหลัง นสพ.ข่าวสด รายงานข่าว ผู้บริหาร ททบ.5 ชี้แจงว่าเป็นการตัดสินใจระงับการออกอากาศเอง เนื่องจากข้อมูลที่ได้ไม่มีความชัดเจนพอ เป็นเพียงข้อมูลที่ถูกเสนอออกมาผ่านสื่อสาธารณะ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการถูกหมิ่นประมาทและฟ้องร้อง กองบรรณาธิการจึงตัดสินใจไม่นำออกอากาศ เพื่อป้องกันตัวเองและสถานี (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)


หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 1,000 วอน เท่ากับ 27.08 บาท

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คลิปรายการนายแน่มาก เดือนมิถุนายน 2556 วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2556


รายการนายแน่มาก วันที่ 27 มิถุนายน 2556
ดำเนินรายการโดย คุณคฑาวุธ และ ดีเจ Bigbuff
เวปฅนไท พิทักษ์ประชาธิปไตย http://www.konthais.org








วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

2 โจรหน้ากากขาว-บุกปล้นเซเว่นฯ (มีคลิป)

2 โจรหน้ากากขาว-บุกปล้นเซเว่นฯ

 เมื่อเวลา 03.10 น. ของวันที่ 24 มิ.ย. ตำรวจสน.ดอนเมืองได้รับแจ้งเหตุคนร้ายเป็นชาย 2 คนใช้อาวุธปืนบุกเข้าชิงทรัพย์ร้านเซเว่นฯ ย่านถนนเทิดราชัน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง จึงรุดไปตรวจสอบ

 พบพนักงานเซเว่นฯให้การว่าก่อนเกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนสวมหน้ากากขาว V รูปร่างผอม  สูงไม่เกิน 170 ซ.ม. สวมชุดดำทั้งคู่ ใช้ปืนบุกเข้ามาปล้น กวาดเงินสดในลิ้นชักไป 1,600 บาท เหล้าแบล็คเลเบิ้ล 2 ขวด ราคาประมาณ 2800 บาท จากนั้นวิ่งขึ้นรถจยย.ที่จอดไว้หน้าร้านหลบหนีไป โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 40 วินาที 


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01qQTBPRGswTVE9PQ


twitter

ห้องแชทKonthaiuk