แหกตาดูซะ "ธาริต" โชว์เอกสาร "สุเทพ" เซ็นสั่ง สตช.รวบสัญญาสร้างโรงพัก

"ธาริต" โชว์เอกสาร "สุเทพ" เซ็นสั่ง สตช.รวบสัญญาสร้างโรงพักทดแทน ส่อเข้าข่าย กม.ฮั้วประมูล: http://bit.ly/10uaWTS


เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 5,848 ล้านบาท ว่า จากการตรวจสอบการจัดหาผู้รับจ้างในส่วนบริษัทที่เข้ามาเสนอราคายังไม่พบการ กระผิดเกี่ยวกับการเสนอต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) เรื่องเดิม สตช.มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อขอความเห็นชอบ โดยแยกเสนอเป็นรายภาคเพื่อประมูล ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่แทนนายกฯให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2552


นายธาริต กล่าวต่อว่า ในปีเดียวกันมีการเสนอใหม่โดยนายสุเทพ อนุมัติให้ยกเลิกแนวทางจัดจ้างเป็นรายภาค และอนุมัติใหม่ให้มีการจัดจ้างรวมกัน เมื่อวันที่11ตุลาคม 2553 ทำให้มีเพียงบริษัทเดียวที่ชนะการประมูลคือบริษัท พีซีซี ดิเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้การสร้างไม่เสร็จเพราะทำเพียงบริษัทเดียว และมีการจ้างช่วงต่อให้ผู้รับเหมาอื่น ซึ่งหากสร้างแยกภาคจะได้ผู้รับเหมาทำให้การก่อสร้างเดินหน้าได้เต็มที่แต่ เมื่อยกเลิกการแยกประมูลจึงเป็นที่มาการทำผิดสัญญาเพราะมีการจ้างช่วงต่อ นอกจากนี้ ทางดีเอสไอพบความไม่ปกติของการดำเนินการดังกล่าว เพราะเดิมมีการอนุมัติให้แยกประมูลเป็นรายภาคซึ่งสอดคล้องความเป็นจริงอยู่ แล้วแต่เปลี่ยนไปเป็นการประมูลรวมกันซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะจำนวนการก่อสร้างกระจายทั่วประเทศเมื่อเทียบกับระยะเวลาก่อสร้างตาม สัญญาเพียงปีกว่า คงทำได้ยาก เรื่องดังกล่าวส่อว่าไม่ปกติในการจัดจ้างและเรื่องงบประมาณ


"ผมได้มอบหมายให้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตของดีเอสไอ ขอข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องรวมถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อชี้แจงเหตุผลว่าทำไมตอนแรกอนุมมัติอีกอย่างแล้วตอนหลังอีกอย่าง จนทำให้เกิดปัญหาขึ้น จากนั้นจะพิจารณาว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะเท่าที่ตรวจสอบอาจจะเข้าข่ายความผิดต่อกฎหมายฮั้วประมูลมาตรา 11 และมาตรา 13 เพราะกฎหมายดังกล่าวป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซงและดำเนินการเอื้อ ประโยชน์ผู้เสนอราคารายหนึ่งรายใด" อธิบดีดีเอสไอกล่าว