PEACE TV LIVE

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คำต่อคำสัมภาษณ์ 'อภิสิทธิ์' ใน 'บีบีซี': พ้อ-ไม่แฟร์ที่หาว่า "สั่งใช้กระสุนจริง" (มีคลิป)

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 55 รายการ BBC World News ทางสถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษ ได้เผยแพร่การสัมภาษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อเรื่องการสั่งฟ้องและการมีส่วนรับผิดชอบในคดีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม ที่มีสาเหตุจากเจ้าหน้าที่รัฐในระหว่างการสลายการชุมนุมเดือนพ.ค. 53 โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การใช้กำลังทหารและการใช้กระสุนจริงในระหว่างการสลายการชุมนุมเป็นเรื่องที่ จำเป็น เนื่องจากมีกลุ่มติดอาวุธอยู่ในพื้นที่ชุมนุม หรือชายชุดดำ ซึ่งยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และผู้ชุมนุม และยังกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตราว 20 คน ที่สรุปได้แล้วว่า เสียชีวิตจากกลุ่มติดอาวุธภายในผู้ชุมนุม
ผู้ดำเนินรายการ มิชาล ฮุสเซน ถามแย้งว่า แต่รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ที่ทำการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ชี้ว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เสียชีวิตมาจากทหาร และถามอดีตนายกฯ ว่า ยอมรับหรือไม่ว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่ทหาร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า จาก 20 คดีที่ได้ทำการสอบสวนไป มีเพียงสองคดีเท่านั้นที่เสียชีวิตจากกระสุนปืนของทหาร นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ต้องไม่ลืมว่า ผู้ชุมนุมได้ปล้นปืนของทหารไปด้วย
ต่อคำถามของผู้ดำเนินรายการว่า นายอภิสิทธิ์ยอมรับหรือไม่ว่าตนมีส่วนรับผิดชอบในการเสียชีวิตบางส่วน เขาตอบว่า ไม่ เพราะการตั้งข้อกล่าวหาต่อตนเองในตอนนี้ มาจากคดีการเสียชีวิตของคนที่ไม่ใช่ผู้ชุมนุมด้วยซ้ำ (คดีพัน คำกอง คนขับรถแท็กซี่) แต่เป็นเพียงผู้เห็นเหตุการณ์ที่บังเอิญออกมาดูและโชคร้ายที่เขาโดนลูกหลงเข้า (got caught)
เขากล่าวยอมรับว่า ตนเป็นผู้สั่งใช้กระสุนปืนจริง แต่มิได้รู้สึกเสียใจต่อการออกคำสั่งดังกล่าว เพราะเป็นวิธีที่จะสามารถจัดการกับกลุ่มผู้ที่ติดอาวุธได้ และกล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อปี 53 เป็นเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงจริง แต่หากไม่มีกลุ่มชายชุดดำที่มีอาวุธและยิงตำรวจ ทหารและประชาชน ความรุนแรงและความเสียหายดังกล่าวก็คงจะไม่เกิดขึ้น
อดีตนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ (รัฐบาลอภิสิทธิ์) เป็นรัฐบาลแรกที่อนุญาตให้ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการ และศาลเข้าสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว เขากล่าวว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนก็จะยอมรับโทษนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นโทษประหารชีวิต และขอเรียกร้องแบบเดียวกันต่อนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และสมาชิกในรัฐบาลนี้ ให้ทำแบบเดียวกันด้วย
อนึ่ง กรณีที่นายอภิสิทธิ์กล่าวอ้างถึง รายงานของ คอป. ที่ระบุว่า "มีราว 20 กรณีที่ผู้เสียชีวิตเกิดจากการกระทำของฝ่ายผู้ประท้วง ซึ่งมีอาวุธ "  ตามที่ คอป. โดยนายสมชาย หอมลออ แถลงเมื่อวันที่ 17 ก.ย.  ระบุมีเพียง 9 กรณี เท่านั้น และ คอป.ก็ยังมิได้ระบุว่าเป็นการกระทำของผู้ชุมนุม เพียงระบุว่าเป็นการกระทำของชายชุดดำ ที่ คอป.ระบุว่า หลายคนใกล้ชิด เสธ.แดง การ์ด นปช. รู้เห็นเป็นใจ แต่ไม่มีหลักฐานโยงถึงแกนนำ(ดู http://prachatai.com/journal/2012/09/42697)


อดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอบคำถามบีบีซี กรณีสลายการชุมนุมปี 2553 ปัดผู้ประท้วงเสียชีวิตเพราะทหาร ปฏิเสธสั่งฆ่าประชาชน

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2555 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์รายการ BBC World News ทางสถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษ เกี่ยวกับบทบาทของเขาในช่วงเหตุการณ์การประท้วงในกรุงเทพเมื่อปี 2553
ต่อไปนี้เป็นคำแปลโดยละเอียด
Abhisit: Everybody knows what happened, and we are the ones that said that the judicial process has to run its course so that they were inquest into the death of the protesters and stand (you know) people who were there and uh...the has to be the accountability
อภิสิทธิ์ : ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราเป็นฝ่ายที่บอกว่า กระบวนการยุติธรรมต้องดำเนินไปตามขั้นตอน เพื่อไต่สวนการเสียชีวิตของผู้ประท้วง และคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และต้องมีการรับผิด
BBC: And that includes you because you were the presence in the house when 90 people died in the protest
บีบีซี : และรวมถึงคุณด้วย เพราะคุณอยู่ในตำแหน่งตอนที่ประชาชน 90 คนเสียชีวิตในการประท้วง
Abhisit: Of course we set up an independent commission in terms of fact finding and at the same time the police...and the law enforcing organizations would have to get to work but the charges that are charge  placing against me from so many people seem very far-fetched ...
อภิสิทธิ์ : แน่นอนครับ เราได้จัดตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นชุดหนึ่งเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะเดียวกัน ตำรวจ และบรรดาหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายก็ต้องทำงาน แต่ข้อกล่าวหาต่อผมดูจะเป็นการกล่าวหาเกินจริง
BBC:  Why very far-fetched?  You were the person in power use of force in tearing down the protest camp.
บีบีซี : เกินจริงอย่างไร? คุณเป็นคนที่มีอำนาจสั่งใช้กำลังในการรื้อทำลายสถานที่ประท้วง
Abhisit: But if you recall we had a situation basically a group of people occupy the middle of city and also had armed people, infused within the protest. They were actually firing grenade, firing at people. We didn't even go in to disperse the protest. what we did was set up the check points .These check points were attacked. And there were fighting on the street and unfortunately some people died.
อภิสิทธิ์ : แต่ถ้าคุณยังจำได้ ประชาชนกลุ่มหนึ่งได้ยึดครองใจกลางเมือง และมีคนที่ติดอาวุธแทรกตัวอยู่ในการชุมนุม คนพวกนี้ยิงลูกระเบิด ยิงปืนใส่ประชาชน เราไม่ได้เข้าไปเพื่อสลายการประท้วง สิ่งที่เราทำคือ ตั้งจุดตรวจ จุดตรวจเหล่านั้นถูกโจมตี และมีการสู้รบบนท้องถนน และโชคไม่ดีที่มีคนตาย
BBC:  Well and almost everyone who died was by the hands of the military gunfire
บีบีซี : เกือบทุกคนได้เสียชีวิตเพราะการยิงของทหาร
Abhisit:  That's not the case.
อภิสิทธิ์ : ไม่จริงครับ
BBC: Human Rights Watch who has done the most comprehensive investigation of the incident in 2010 said almost every dead was caused by the military gunfire.'
บีบีซี : ฮิวแมนไรท์วอทช์ ซึ่งได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เมื่อปี 2553 อย่างรอบด้านที่สุด ระบุว่า เกือบทุกรายเสียชีวิตด้วยกระสุนของทหาร
Abhisit: The most comprehensive account has been made by the independent truth and reconciliation commission. And as far as the charges are concerned, already about 20 cases have been the work of the protestors, or the armed elements.
อภิสิทธิ์ : รายงานที่รอบด้านที่สุดจัดทำโดยคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ ซึ่งในเรื่องเกี่ยวกับข้อกล่าวหานั้น มีประมาณ 20 รายเสียชีวิตเพราะผู้ประท้วง หรือพวกที่ติดอาวุธ
BBC:  But that's the least of the majority, we're talking about 90 deaths. You would accept the majority of the death was caused by the military?
บีบีซี : แต่นั่นไม่ใช่กรณีส่วนใหญ่ เรากำลังพูดถึงคนตายราว 90 ศพ คุณยอมรับไหมว่า ส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะทหาร
Abhisit:  No, no because so far we have had about 20 inquest. And only two so far have concluded that these people died by bullets that were used in the military. But you also have to remember that the protestors already robbed some of the arms that were used by the military, and for this particularly accuse, you have to know the charges first.
อภิสิทธิ์ : ไม่ยอมรับครับ ไม่ก็เพราะว่าเรากำลังสอบสวนประมาณ 20 กรณี จนถึงขณะนี้ มีแค่ 2 รายที่สรุปได้ว่า เสียชีวิตเพราะกระสุนของทหาร แต่คุณต้องย้อนนึกไปด้วยว่า พวกผู้ประท้วงได้ปล้นปืนของทหารไปส่วนหนึ่ง และในเรื่องข้อกล่าวหานี้ คุณต้องอ่านข้อกล่าวหาให้ดีๆก่อน
BBC: But you do accept that you're responsible for some of the deaths. You do accept that?
บีบีซี : แต่คุณยอมรับไหมว่า คุณมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตในบางกรณี
Abhisit: No, the charge that's being put against me, at the moment, is a death of a person who wasn't even protesting. What happened was that, a van was trying to crush through the barrier by the military. There were shots being fired. This person ran out to see what happened and unfortunately was shot and got caught.
อภิสิทธิ์ : ไม่ยอมรับครับ ข้อกล่าวหาต่อผมในเวลานี้ เป็นกรณีการเสียชีวิตของคนคนหนึ่งซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการประท้วงเสียด้วยซ้ำ เหตุการณ์นี้ก็คือ รถตู้คันหนึ่งได้พยายามฝ่าแนวป้องกันของทหาร มีการยิงเกิดขึ้น คนคนนี้วิ่งออกไปดูเหตุการณ์ โชคไม่ดีเขาถูกยิงและออกมาไม่ได้
BBC:  This happened to be the first case of that has been investigated….
บีบีซี : รายนี้เป็นกรณีแรกที่มีการไต่สวน...
Abhisit:  Sure. But to say that the government ordered the military to kill people, isn't exactly what happened.
อภิสิทธิ์ : ถูกต้องครับ แต่การบอกว่า รัฐบาลสั่งให้ทหารฆ่าประชาชน นั่นไม่จริง
BBC:  You did authorize the use of live ammunition.
บีบีซี : คุณได้อนุมัติให้ใช้กระสุนจริง
Abhisit:  We did authorize the use of live ammunition.
อภิสิทธิ์ : เราได้อนุมัติให้ใช้กระสุนจริง
BBC: Do you regret that decision?
บีบีซี : คุณรู้สึกเสียใจไหม ที่ได้ตัดสินใจอย่างนั้น?
Abhisit: But then how else do you fight people with arms?
อภิสิทธิ์ : แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น คุณจะสู้กับพวกที่มีอาวุธได้อย่างไร?
BBC:  so you don't' regret the use of live ammunition.
บีบีซี : ฉะนั้น คุณไม่เสียใจที่ได้ใช้กระสุนจริง
Abhisit: I regret the losses of people. But the instructions were clear as to how they could use the live ammunition, under which circumstance. The issue was ordered the Deputy PM, first of all it was self defense. It's preventing possible loss to other people, and they must use it with extreme care. And if there's a possibility to use the arms against those people who were somehow mixed with the crowd of … they should avoid it. And to say that this ordering meant that we're ordering the killing of people, I think it's unfair. and Let me say this, I've been  around at a number of meetings, around the world, G-20 somebody died because somebody was trying to do their work, there had to be inquest. The death could be justified or not, according to the law, but I don't see anywhere that the Prime Minister then has to take responsibility for any operations.
อภิสิทธิ์ : ผมเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต แต่คำสั่งนั้นมีความชัดเจนว่าจะใช้กระสุนจริงได้ในลักษณะไหน ภายใต้เงื่อนไขอะไรบ้าง คำสั่งนั้นออกโดยรองนายกรัฐมนตรี โดยพื้นฐานแล้ว เป็นการใช้เพื่อป้องกันตนเอง ป้องกันการเสียชีวิตของประชาชนคนอื่นๆ และต้องใช้อย่างระมัดระวังที่สุด และถ้าอาจจะต้องใช้อาวุธกับคนที่ปะปนอยู่ในฝูงชนก็ควรหลีกเลี่ยง การบอกว่า คำสั่งนี้เท่ากับสั่งให้ฆ่าประชาชน ผมคิดว่าไม่ยุติธรรม และผมขอบอกว่า ผมเคยไปประชุมหลายแห่งทั่วโลก ในการประชุมจี-20 มีคนตายเพราะเจ้าหน้าที่พยายามทำตามหน้าที่ นั่นต้องการมีสอบสวน การเสียชีวิตนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่เมื่อพิจารณาตามกฎหมาย แต่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนเลยว่า คนเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานั้นต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติที่เกิดขึ้น
BBC: But PM, this is the worst violent political incident your country have seen for decades. The scale of what we're talking about is considerable. And this is going to be the defining issue of your time in power.
บีบีซี : แต่ท่านนายกรัฐมนตรี นี่เป็นเหตุรุนแรงทางการเมืองครั้งร้ายแรงที่สุดที่ประเทศของคุณได้เผชิญใน ช่วงเวลาหลายทศวรรษ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องใหญ่ และจะเป็นประเด็นที่เขียนประวัติศาสตร์ของคุณในช่วงที่อยู่ในอำนาจ
Abhisit: Because this is the first time that we had protest with armed people being involved. If these were peaceful protest, the constitutional protest, legal protest, none of this wouldn't have happened. If they didn't have the black shirt people, with weapons, firing at the police firing at the people, firing at the military. None of the losses wouldn't have occurred.
อภิสิทธิ์ : นั่นเป็นเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกติดอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้องในการประท้วง ถ้าเป็นการประท้วงโดยสันติ เป็นการใช้สิทธิ์ประท้วงตามรัฐธรรมนูญ ประท้วงโดยถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าพวกนั้นไม่มีชายชุดดำ ติดอาวุธ ยิงใส่ตำรวจ ยิงใส่ประชาชน ยิงใส่ทหาร ก็จะไม่เกิดการสูญเสีย
BBC: How do you feel that this is going to be defining issue of your time and how people would remember your time in power?
บีบีซี : คุณรู้สึกอย่างไร ที่เหตุการณ์นี้จะเป็นประเด็นที่จารึกประวัติของคุณ และผู้คนจะจดจำบทบาทของคุณในช่วงที่อยู่ในอำนาจ?
Abhisit: I don't think that's the case. I think that the people know full well what happened in 2009 and 2010. And the difference is this. As the government, we're the first , that allows the police, the DSI and the attorney general and the court to work through this. And I will accept whatever verdict, even if it's a death penalty, I will accept that. And I'm asking the former PM and members of this government that they should do the same, because they're always looking to find a way to pass the bill to grant themselves the amnesty. That's all I ever ask. I'm willing to face the charge. I will fight. I will prove my innocence in the court, and if the court for whatever reasons passed the guilty verdict I would accept it .
อภิสิทธิ์ : ผมไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่า ประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2552 และปี 2553 เราไม่เหมือนอีกฝ่ายหนึ่ง ในฐานะรัฐบาล เราเป็นคนแรกที่เปิดให้ตำรวจ, ดีเอสไอ,อัยการสูงสุด และศาล สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมจะยอมรับคำพิพากษาในทุกกรณี แม้เป็นคำตัดสินประหารชีวิต ผมก็จะยอมรับ และผมขอเรียกร้องให้อดีตนายกรัฐมนตรี และบรรดาสมาชิกในรัฐบาลชุดนี้ทำอย่างเดียวกัน เพราะพวกเขากำลังมองหาช่องทางที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตัวเองอยู่ตลอด เวลา นี่คือเรื่องเดียวที่ผมเรียกร้อง ผมพร้อมเผชิญข้อกล่าวหา ผมจะสู้คดี ผมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองในศาล ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด หากศาลตัดสินว่าผมผิด ผมจะยอมรับ.http://news.voicetv.co.th/thailand/58109.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

twitter

ห้องแชทKonthaiuk