PEACE TV LIVE

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ข้อโต้แย้งผลสรุปของ กสม. โดย นพ.เหวง โตจิราการ (ยาวแต่โดนทุกเม็ด)

ข้อโต้แย้งผลสรุปของ กสม. โดย นพ.เหวง โตจิราการ (ยาวแต่โดนทุกเม็ด)

กระทู้สนทนา
ความเห็นต่อรายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย “กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มนปช.ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19พฤษภาคม 2553” ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) 

รายงานฉบับนี้มีเนื้อความสำคัญอยู่ในหัวข้อที่ 4 เมื่อศีกษาดู(หมายถึงอ่านอย่างตั้งใจพินิจพิจารณา) พบว่า มีหัวข้อย่อย 8 หัวข้อ ซึ่งทั้งหมด อธิบายแก้ต่างให้กับรัฐบาลอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ว่ามีความชอบธรรมทุกประการ ตั้งแต่ 

- การประกาศ พรบ.มั่นคง 7 มี.ค. 53 ประกาศพรก.ฉุกเฉินที่มีสถานการณ์ร้ายแรง 7 เมษายน 53 การทำหน้าที่ของทหาร ทั้งปวง ล้วนแต่เป็นการปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก ไม่มีการใช้กระสุนจริง หากมีการใช้กระสุนจริงก็เพียงเพื่อป้องกันตัวจากเหตุร้ายแรงที่อาจทำให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บโดยไม่สามารถใช้วิธีป้องกันอย่างอื่นได้ 

- การชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ยั่วยุปลุกปั่นปลุกระดมให้เกิดความรุนแรง ภายในหมู่คนเสื้อแดงมีกองกำลังติดอาวุธ มีชายชุดดำ มีอาวุธสงครามร้ายแรง ยิงต่อสู้ทหาร สถานีโทรทัศน์พีทีวีของคนเสื้อแดง ก็ถ่ายทอดภาพและเสียงที่มีการยั่วยุปลุกระดมผู้ชุมนุมให้ก่อความไม่สงบในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง 

- มีการยิง M79 จากบริเวณอนุสาวรีย์ ร.6 ฝั่งคนเสิ้อแดงทำให้มีหญิงเสียชีวิตเมื่อ 22 เมษายน 2553 

- การบุกเข้าไปโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เพื่อขอตรวจค้นเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมซึ่งเป็นกติกาสากลที่สังคมอารยะพึงยึดถือ 

- มีการตั้งถังแก๊ส5ถังใกล้โรงพยาบาลอาจจะระเบิดมีรัศมีทำลายกว้าง กรณี6ศพวัดปทุมก็มีชายชุดดำวิ่งไปๆมาๆหลบเข้าในวัดปทุมยิงต่อสู้กับทหาร ทำให้ทหารจำเป็นต้องยิงโต้ตอบ

- เรื่องพลเอกร่มเกล้าก็มีเลเซอร์สีเขียวชี้เป้าก่อนที่จะมีระเบิดลง

ยังมีเนื้อหาอีกมากมายครับ ผมคงนำมากล่าวถึงไม่หมด ไม่งั้นก็จะยาวประมาณ 90 หน้าอย่างที่เขาทำ แต่ ที่ผมขอโต้แย้งมีบางประการดังต่อไปนี้

1. กสม.ไม่ได้พูดถึงการคุกคามด้วยกำลังทหารของรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าเป็นการทำลายสิทธิมนุษยชนของประชาชน เช่นเรื่องการ เอาทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธสงคราม รถถัง รถสายพานลำเลียง เข้าไปประจำในวัด 7 วัด โดยรอบ ในโรงเรียนวชิราวุธ ในสนามม้านางเลิ้ง ในช่วงกลางเดือนมีนาคม53 ที่ชุมนุมบริเวณสพานผ่านฟ้า นี่บ่งชัดถึงความต้องการที่จะปราบปรามการชุมนุมด้วยอาวุธ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลเอาทหารจำนวนหลายพันนาย อาวุธหลายพันกระบอก กระสุนหลายหมื่นนัด รถถัง รถสายพานลำเลียงจำนวนหลายสิบคัน มาล้อมการชุมนุมอย่างสงบของประชาชนทำไมครับ นี่กสม.ไม่ได้พูดถึงไม่ได้ประนาม แสดงชัดว่า กสม.เห็นด้วยกับการใช้กำลังทหารมาปิดล้อมและเตรียมที่จะปราบปรามประชาชนด้วยกำลังทหารอาวุธสงคราม ไม่งั้นกสม.หุบปากเงียบทำไมครับ แล้วเมื่อประชาชนไปขอเชิญทหารให้กลับกรมกองที่ตั้งของตนเอง กสม.กลับบอกว่าประชาชนไปกดดันให้ทหารกลับ  ที่สี่แยกราชประสงค์ก็เช่นกัน ในราววันที่ 7-8 เมษา53 รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็เอาทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธสงครามครบมือและรถถังรถสายพานลำเลียงหลายสิบคันมาประจำที่สวนลุมพินีประชาชนก็ไปขอให้ทหารกลับกรมกองอย่างสันติวิธี กสม.ก็ไม่ประนามรัฐบาลและไม่ยอมรับว่า คนเสื้อแดงใช้สันติวิธีรับมือกับทหารที่ติดอาวุธสงครามจากศรีษะจรดเท้า

2. เรื่องบุกเข้ารัฐสภา นี่ก็ทำไมไม่เคารพความจริง ว่าเกิดจากมีคนถืออาวุธสงครามในสภา ต่อมาก็มีภาพ คนสนิทนายสุเทพเทือกสุบรรณถือปืนโดยใช้เสื้อสากลปิดทับแต่บั้นท้ายปืนโผล่ให้เห็นไม่รู้ว่า M16 หรือทาโว่ แล้วก็มีคนในสภาขว้างแก็สน้ำตาใส่ ตอนนั้นคนที่รุกเข้าไปจำนวนไม่ถึงสิบ แล้วเขาก็ต้องการนำเอาM16มามอบให้ตำรวจเท่านั้น ในรายงาน กสม.บรรยายว่า บุกเข้าไปในรัฐสภา (ที่จริงไม่ได้บุกรุกแต่ได้รับอนุญาตจากรองประธานสภาผู้แทนราษฏรให้เข้าไปสังเกตุการณ์ดูได้)แล้วนี่กสม.ก็เลยบรรยายเสียงดงามว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์มีความชอบธรรมที่จะประกาศพรก.ฉุกเฉินที่มีสถานการณ์ร้ายแรง

3. เรื่องไทยคม ก็บรรยายอย่างที่ผมได้บอกไปแล้ว คือกล่าวหาว่า พีทีวี ปลุกปั่นยุยุง แต่ไม่เห็นกสม.พูดถึงASTVเลยสักนิด แล้วไม่ได้พูดถึง ปืนสไนเปอร์ (ใช่ครับสไนเปอร์แบบที่สุเทพพูดในสภานั่นแหละ) พวกเรายึดได้จากรถตู้ทหารครับ เอามายิงใครครับ วันนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพวกเราครับ เลยทำให้ แก็สน้ำตาที่พวกมันยิงทั้งหมดลมพัดหวลใส่พวกมันกันเองทำให้พวกมันแตกพ่ายหนียับเลยครับ และนี่ทำให้พวกมันเสียหน้า เลยขนทหารพร้อมอาวุธมายิงใส่พวกเราในวันที่ 10 เมษา 53 ไง กสม.ไม่เห็นพูดถึงเลย

4. วันที่ 10 เมษา 53 ศพแรกโดนทหารยิงเวลาประมาณบ่ายกว่าครับเข้าช่องท้องเสียชีวิตตอนเย็น ผอ.รพ.วชิระแถลงด้วยตัวเองครับ นี่ไงทหารใช้อาวุธสงครามสังหารประชาชน โดยไม่มีมาตรการจากเบาไปหาหนัก กสม.ไม่รู้เรื่องนี่ใช่ไหมครับ แล้วนักข่าวทีพีบีเอส ถ่ายทอดสด ก็โดนกระสุนจริงทะลุประตูด้านคนขับ กสม.ก็ไม่พูดถึง(น้องคนนี้โดนให้ออกครับ)

5. แล้วที่กสม.บอกมีเลเซอร์สีเขียวชี้เป้า ร่มเกล้า กรุณาขอรูปถ่ายหน่อยได้ไหมครับ อย่ามั่วครับ พูดอะไรต้องมีหลักฐานครับ

6. ยิงM79สังหารหญิงสีลมเมื่อวันที่ 22 เมษา 53 กสม.กสม.ได้อ่านหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับเมื่อเช้าวันที่ 23 เมษา 53 หรือไม่ครับ ขออ้างฉบับเดียวคือไทยรัฐ ได้ลงภาพต้นไม้ขนาดหนึ่งคนโอบได้ หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ตึกซิลลิคหัวมุมถนนสีลม มีรอยถากขนาดใหญ่ทะลุแก่นกลางประมาณเกือบสองนิ้ว เปลือกกระจุยเป็นทางยาว แนวถากบ่งชัดจากบนลงล่างและ ทิศจากตึกสูงตรงข้ามตึกซิลลิค ซึ่งคนละทิศกับบรมราชานุสาวรีย์ ร.6.เลยครับ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยว่า M79 ดังกล่าวจะยิงมาจากบริเวณที่เสื้อแดงชุมนุมอยู่ มันถูกยิงจากตึกสูงด้านตรงข้ามตึกซิลลิคต่างหาก และเมื่อถากต้นไม้แล้ว สะเก็ดก็พุ่งตัดลงมาสังหารหญิงดังกล่าวครับ ข้อสรุปของกสม.เท็จโดยสิ้นเชิงครับ

7. กรณีโรงพยาบาลจุฬา กสม.ประนามนปช.อย่างเมามัน ว่าเป็นการทำลายหลักมนุษยธรรมกติกาสากลที่สังคมอารยะพึงยึดถือ ก่อนอื่นต้องเรียนว่า กติกาสากลห้ามใช้โรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เป็นเครื่องมือหรืออำนวยความสะดวกให้แก่ฝ่ายหนึ่งในการทำลายล้างอีกฝ่ายหนึ่งทั้งทางการเมืองและการทหารด้วยเช่นกัน ทำไม่กสม.ไม่หารายละเอียดเล่าครับว่า มีทหารของศอฉ.ซ่อนตัวอยู่ในลานจอดรถของโรงพยาบาลจุฬาหรือไม่ มีหน่วยอรินทรราชอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาหรือไม่ ผมเป็นคนมากราบขอโทษประชาชนและโรงพยาบาลจุฬาในกรณีของพายัพปั้นเกตุบุกค้นรพ.จุฬาในเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 30 เมษา 53 ครับ แล้วตอนที่พายัพ ปั้นเกตุ เข้าบุกค้นรพ.จุฬาก็ไม่ได้รับความเห็นชอบจากผมครับ แม้ผมนั่งในที่แถลงข่าว แต่เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นการตอบโต้กันระหว่างนักข่าวกับคุณพายัพว่าจริงหรือเท็จโกหกใส่ความรพ.หรือเปล่า พายัพก็เลยลุกพานักข่าวไปในบัดดลเลยครับ แล้วความจริงตอนพายัพเข้าไป กสม.ก็บอกเองว่า ผู้อำนวยการ รพ.จุฬาเป็นผู้ยินยอมให้พายัพเข้าไปตรวจดูครับ ส่วนจำนวนคนที่เข้าไปและรายละเอียดที่ กสม.บรรยายมา จริงบ้างเท็จบ้างครับ ซึ่งต้องถือว่าใช้ไม่ได้
กสม.โจมตีนปช.อย่างรุนแรงกรณีที่ไปชุมนุมส่งเสียงดังรบกวนมีถังแก็ส5ถังอันอาจจะเกิดเหตุระเบิดได้ ต้องถามกสม.แล้ว ทำไม โรงพยาบาลตำรวจซึ่งอยู่ใจกลางของการชุมนุมเลย เพราะห่างเวทีราชประสงค์ไม่ถึง 50 เมตรครับ ไม่เห็น แพทย์พยาบาลเจ้าหน้าที่ คนไข้ผู้รับบริการ เขาโจมตีใส่ร้ายนปช.อย่างเช่นที่เกิดที่ รพ.จุฬาที่ห่างจากเวทีกว่า 3 กิโลเมตรเล่าครับ นปช.และรพ.ตำรวจ ต่างเอื้ออาทรต่อกันมีมิตรจิตมิตรใจต่อกันอย่างเต็มเปี่ยมเลยครับ รพ.ตำรวจไม่มีท่าทีเป็นศัตรูต่อคนเสื้อแดง เหมือนเช่นที่ รพ.จุฬาแสดงออกถึงความเป็นศัตรูต่อนปช.คนเสื้อแดงแม้แต่น้อย

8. กรณีชายชุดดำ 12 ศพที่ศาลได้วินิจฉัยไปแล้ว ในบริเวณโดยรอบราชประสงค์เช่น ถนนราชปรารถ ประตูน้ำ สามเหลี่ยมดินแดง แอร์พอร์ตลิงค์ บ่อนไก่ ถนนพระรามสี่ ริมรั้วสวนลุมพินี ถนนราชดำริ หัวถนนสีลม ไม่พบมีชายชุดดำครับ กสม.ได้ติดตามหรือไม่ แล้วที่สี่แยกคอกวัว อันเป็นต้นกำเนิดนิยายเรื่องชายชุดดำ ดีเอสไอก็ได้เชิญ นักข่าวอัลจาชีเราะที่เป็นเจ้าของคลิปวิดีโอชายชุดดำมาให้ข้อเท็จจริง เขายืนยันว่าคลิปดังกล่าว เขาซื้อมาจากผู้อื่นครับ เท่านี้ก็โยนเรื่องคลิปชายชุดดำทิ้งได้แล้ว เพราะคนผลิตสร้างเรื่องเองขึ้นมาทั้งหมดครับ ไม่สามารถรับฟังว่าเป็นเรื่องจริงได้ นักข่าวอัลจาชีเราะห์ยังยืนยันว่า เขาและทีมงานรวม5คน วนเวียนไปมาบริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนดินสอ ถนนตะนาว ในช่วงบ่ายจนค่ำมืดของวันที่10เมษายน53เขาไม่พบชายชุดดำครับ แล้วภาพที่รบ.อภิสิทธิ์บอกว่า มีรถตู้ขาวมาส่งชายชุดดำที่ถืออาวุธสงคราม เมื่อพิสูจน์ในรายละเอียดแล้ว ปรากฏว่าสถานที่รถตู้จอดคือ สี่กั๊กพระยาศรี ไม่ใช่สี่แยกคอกวัว การส่งชายชุดดำที่สี่กั๊กพระยาศรีแล้วชายชุดดำเดินถืออาวุธสงครามอาก้า เอ็ม16ไปจนถึงสี่แยกคอกวัว เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะไกลเกือบ5กิโลเมตรครับ นี่เป็นนวนิยายโกหกพกลมอีกเรื่องที่ รบ.อภิสิทธิ์จงใจสร้างขึ้นใส่ร้ายคนเสื้อแดง

9. กสม.บรรยายไว้เองว่า มีการติดโปสเตอร์ “เขตกระสุนจริง” แต่ไม่เห็นกสม.ประนามเลย แปลว่า สามารถ ติดโปสเตอร์ “เขตกระสุนจริง”ได้โดยไม่เป็นการทำลายสิทธิมนุษยชนใช่หรือไม่ แปลว่า ชีวิตมนุษย์มีค่าไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานสิงห์สาราสัตว์ต่างๆ ใช่หรือไม่ อย่าลืมครับว่า นี่เป็นการต่อสู้กันทางการเมือง รัฐบาลไม่มีสิทธิถือว่าประชาชนเป็นลิงค่างบ่างชะนีที่จะฆ่าได้โดยไม่ผิด หากแม้นว่ามีชายชุดดำจริง คุณต้องส่งมือสังหารของคุณประกบ “จับกุมครับ ไม่ใช่ฆ่า เว้นแต่เขายิงคุณก่อนในระยะประชิด คุณจึงยิงป้องกันตัวได้ และเป็นการยิงป้องกันตัวไม่ใช่จงใจฆ่าให้ตายนะครับ” คนตายในเหตุการณ์ทุกคน ไม่มีอาวุธครับ ไม่ได้ใส่ชุดดำ แล้วกสม.ไม่ได้ประนาม “พลซุ่มยิง พลแม่นปืน ตามตึกสูงต่างๆ โดยรอบสี่แยกราชประสงค์เลยครับ” กสม.อนุญาตให้มีพลซุ่มยิง พลแม่นปืนตามตึกสูงได้ โดยไม่เป็นการทำลายสิทธิมนุษยชนใช่ไหมครับ
แล้วเสธ.แดง พลตรีขัตติยะสวัสดิผล โดนลอบยิงโดยพลซุ่มยิง ทำไมไม่เห็นกสม.เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยจากวันที่โดนลอบสังหาร 13 พค.53 จนบัดนี้10 สค 56 ไม่เห็น กสม.ประกาศว่านี่เป็นการทำลายสิทธิมนุษยชนเลย แต่ที พลเอกร่มเกล้าธุวธรรมกสม.เดือดเนื้อร้อนใจเป็นการใหญ่โตและใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงด้วยว่า “มีแสงเลเซอร์สีเขียวชี้เป้า(โดยไม่ได้แสดงหลักฐานภาพถ่าย)มาที่พลเอกร่มเกล้า”
คุณเป็นกสม.ของพลอ.ร่มเกล้าใช่หรือไม่ คุณไม่ใช่กสม.ของเสธ.แดงใช่หรือไม่ สำหรับกสม.แล้ว เสธ.แดงไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่มนุษย์หรือไร?

10. กรณี6ศพวัดปทุม กสม.บรรยายว่ามีการปะทะกันโดยรอบบริเวณวัดปทุม มีชายชุดดำวิ่งไปๆมาๆหลบเข้าในวัดปทุมยิงต่อสู้กับทหาร ทำให้ทหารจำเป็นต้องยิงโต้ตอบ ให้เห็นภาพราวกับภาพยนต์ที่มี กองกำลังติดอาวุธซุ่มอยู่ในวัดปทุมยิงสังหารทหารอย่างดุเดือดรอบวัดปทุม ทหารก็เลยจำเป็นในการต่อสู้ป้องกันตัวยิงโต้ตอบกับอย่างสนั่นหวั่นไหว ก็เลยทำให้มีคนตาย6ศพ แต่บางตอนก็บรรยายว่า ไม่รู้ว่าตายที่ไหน นอกวัดหรือในวัด แล้วก็ลากศพเข้ามา ความจริงย่อมเป็นศัตรูกับคนโกหก ในที่สุดศาลได้ตัดสินแล้วครับว่า 6 ศพในวัดปทุมเสียชีวิตจากกระสุนของทหารที่มาทำหน้าที่ตามคำสั่งของศอฉ.โดยมี5ศพโดนยิงจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งมีทหารหน่วยจู่โจมพิเศษ3ค่ายเอราวัณและอีกศพตายจากทหารกองพัน2กรมทหารราบ31ที่ยิงมาจากถนนพระราม1แยกเฉลิมเผ่าครับ ศาลยังระบุไว้ว่า ไม่มีชายชุดดำ ไม่มีการยิงต่อสู้กัน ไม่มีเขม่าดินปืนบนร่างกายผู้ตาย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการยึดอาวุธจากการค้นภายในวัด

ผมขอคัดค้านและประนาม รายงานกรณีเหตุการณ์ชุมนุม 12 มีนา-19 พค 53 ของ กสม.ฉบับนี้ครับ  เพราะเป็นเพียงเอกสารที่ปกป้องคุ้มครองอธิบายสร้างความชอบธรรมให้แก่รบ.อภิสิทธิ์ในการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนเท่านั้น พร้อมกับการใส่ร้ายป้ายสีกล่าวโทษคนเสื้อแดง และนปช.ตามใจชอบให้ผิดกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้อง  ไม่มีกฏหมายฉบับใด อนุญาตให้ฆ่าประชาชนสองมือเปล่าที่มาเรียกร้องทางการเมืองด้วยทหารที่ใช้อาวุธสงครามอย่างเหี้ยมโหดครับ

นพ.เหวง โตจิราการ 10 สค 56
 http://pantip.com/topic/30825455


กรรมการสิทธิฯ เปิดรายงานสลายชุมนุม ปี 53 แล้ว

เว็บไซต์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่ "รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553" จำนวน 92 หน้า แล้ว ที่ http://www.nhrc.or.th/2012/wb/img_contentpage_attachment/692_file_name_9897.pdf
 

 
ท้ายรายงานฉบับดังกล่าว คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สรุปบทเรียนต่อกลุ่มต่างๆ ดังนี้
ผู้ชุมนุม
1. ผู้จัดการชุมนุมต้องสร้างเจตจำนงร่วมกันในการชุมนุมโดยสงบและสันติ ตลอดจนดูแลให้มีอุดมการณ์ที่ถูกต้องในการรักษาระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

2. ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมต้องมีหน้าที่ร่วมกัน ทำให้การชุมนุมเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ ยึดแนวทางสันติวิธีและเจรจาไกล่เกลี่ย ไม่ปลุกระดม อีกทั้งการชุมนุมนั้นต้องปราศจากอาวุธหรือสิ่งเทียมอาวุธทุกชนิดในพื้นที่การชุมนุม รวมถึงไม่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทุกประเภท

3. ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมต้องชุมนุมในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั่วไป หรือให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น และต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมด้วย
ภาครัฐ
1. รัฐต้องดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย เพื่อป้องกันมิให้กระทบต่อสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงกรอบแห่งกฎหมาย มาตรฐานสากล รวมถึงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ
2. ควรหลีกเลี่ยงการประกาศใช้กฎหมายพิเศษเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม เพราะไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมได้อย่างมีประสทิธิภาพ รัฐจึงจำเป็นต้องมีมาตรการกฎหมายที่เหมาะสมหรือกลไกเฉพาะเพื่อดูแลและรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม
3. การดูแลสถานการณ์การชุมนุมโดยรัฐ ต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบเป็นการเฉพาะ ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวต้องมีแผนปฏิบัติการและขั้นตอนที่ชัดเจน มีเจ้าหน้าที่ที่มีทักษะในการทำงานด้านมวลชน รวมถึงเครื่องมือที่เหมาะสม
อ่านความเห็นและข้อเสนอในรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ที่นี่

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 8 ก.ค.2554 หน้า 3 ได้เปิดเผย “ผลการตรวจสอบ กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค.2553” ของคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งต่อมา น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิฯ และประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ยอมรับว่า ฉบับร่างดังกล่าวเป็นของ กสม.จริง แต่เป็นเพียงร่างรายงานของ “คณะทำงาน” ซึ่งได้สำรวจ เก็บข้อมูล เบื้องต้นและยังต้องผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการเฉพาะกิจอีก 3 ชุด และกรรมการสิทธิชุดใหญ่อีกจึงจะเป็นรายงานที่พร้อมเผยแพร่  นอกจากนี้ กสม. ยังชี้แจงกับพะเยาว์ อัคฮาค มารดาของพยาบาลอาสา กมนเกด อัคฮาด ซึ่งหนึ่งในหกผู้เสียชีวิตที่วัดปทุมฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 ด้วยว่าร่างรายงานที่หลุดออกไปยังมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และรับปากว่าจะแถลงความคืบหน้าทุกเดือน โดยจะแจ้งข่าวให้ผู้เสียหายทราบและร่วมเข้าฟังด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

twitter

ห้องแชทKonthaiuk