PEACE TV LIVE

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สาส์นจากนายทหารผู้รักความเป็นธรรมถึงเพื่อน ตท.: ยุทธการรุมยิงนกในกรง













 








































สาส์นจากนายทหารผู้รักความเป็นธรรมถึงเพื่อน ตท.: ยุทธการรุมยิงนกในกรง 
  ทีมข่าว นปช. 6 ตุลาคม 2555 วันนี้ (6 ต.ค. 55) มีผู้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ฉบับหนึ่งมาให้กับ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ โดยแนบเอกสารซึ่งเป็นสาส์นของนายทหารราบระดับนายพลผู้หนึ่งที่ได้เขียนลง กระดานข่าว (Web Board) ของอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 11 (http://noom11.com) แสดงความไม่พอใจบทความเรื่อง "7 บทเรียนยุทธการกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์ 14-19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553" ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2553 นายทหารผู้รักความเป็นธรรมผู้นี้วิจารณ์บทความดังกล่าวว่าเป็นการอวดโอ่แผนการสังหารประชาชนมือเปล่าเปรียบเหมือนการ "รุมยิงนกในกรง" โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ (ดูบทความเรื่อง 7 บทเรียนยุทธการกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์ 14-19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ประกอบการอ่านสาส์นฉบับนี้ ) 












 ด้วยรักและห่วงใย

ตอน ยุทธการ “ รุมยิงนกในกรง ”


ผมขออนุญาตเพื่อนๆอีกครั้งหนึ่งครับ ด้วยที่ผมคงต้องเขียนอะไรแรงๆลงไปในตอนนี้ เนื่องจากความรู้สึกที่อดสูและสมเพชในบุคคลหลายคนที่ไม่ควรจะเป็นได้ถึง ตำแหน่งเหล่านั้น

มันเป็นเรื่องที่พวกเราคงทราบกันดีแล้วจากสื่อเป็นเรื่องที่ hot ที่สุดเรื่องหนึ่งในสังคมตอนนี้ และจะเป็นเรื่องที่มีผลในทางคดีความกันไปอีกนาน และอาจจะเป็นความแตกแยกภายในชาติอีกระดับหนึ่ง ถ้าแก้ไขกันไม่ถูกต้อง
ผมไม่ได้รับ หนังสือ เสนาธิปัตย์มาเป็นปีทั้งๆที่จ่ายเงิน (โดนหักโดยอัตโนมัติ) มาตลอดก็ไม่ทราบเรื่องราวอัปยศเช่นนี้ มาทราบก็ต่อเมื่อมีการออกมาวิจารณ์กันทางสื่อเรียบร้อยแล้ว และก็มีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง โทรศัพท์มาถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย ทั้งพี่และน้องเหล่านั้นพูดเหมือนกันว่า “มันเป็นทหารกันหรือเปล่าวะ ” สามารถออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้อาวุธสงครามที่จัดหามาจากภาษีอากร ของ ปชช. สังหาร ปชช. มือเปล่า แล้วยังมีหน้ามาวิเคราะห์บทเรียนจากการปฏิบัติการนั้นว่าสำเร็จอย่างเลอเลิศ สรรเสริญและชื่นชมกันราวกับ “วีรบุรุษสงคราม” ผู้พิชิตชัยชนะในสงครามเต็มรูปแบบกับ ปชช. ภายในชาติของตนเองที่มีแต่มือเปล่า และ เต็มไปด้วย เด็ก ผู้หญิงและคนแก่ ผมอยากจะทราบว่า ถ้าผู้ที่มาร่วมชุมนุมเหล่านั้นถืออาวุธมาจากบ้าน อย่างน้อยปืนสั้นหรือปืนยาวคนละกระบอกพร้อมกระสุนตามมีตามเกิด ภาพมันจะเป็นอย่างนี้ไหม
บางคนบอกว่า การวิเคราะห์ “บทเรียนจากการกระชับวงล้อม” ครั้งนี้ ผู้วิเคราะห์ถูกสั่งให้กระทำเพื่อเป็นการเอาใจ (มันก็ประจบสอพลอนั่นแหละวะ) ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอย่างไรก็ตามไม่ว่ามันจะถูกกระทำขึ้นเพื่อ เป็นการเอาใจ หรือเพื่อเป็นการนำไปใช้ฝึกและศึกษา หรือเป็นองค์ความรู้ทางวิชาการ หรือเพื่อเป็นการอยากจะบอกความจริงของผู้วิเคราะห์ก็ตาม มันก็เป็นประวัติศาสตร์อัปยศของกองทัพอยู่ดี ผมอยากจะรู้ว่าเราจะเอาประสบการณ์ องค์ความรู้ หรือ ผลแห่งความสำเร็จนี้ไปอวดใครที่ไหนอย่าว่าแต่กับ ปชช. ภายในชาติเลย ต่อให้ทหารต่างชาติและสังคมโลกเขาคงจะต้องสมเพชกองทัพไทยแน่
ผมมีความภาคภูมิใจมากในอดีตที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญอยู่ในทั้ง 2 หน่วยนี้ คือ อาจารย์อำนวยการส่วนวิชายุทธวิธี รร.เสนาธิการทหารบก และก่อนหน้าที่จะเป็นพลเอกนี้ผมเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นตำแหน่งที่เขาขนานนามกันว่า “ครูใหญ่ของกองทัพบก” ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าหน่วยที่ผมภาคภูมิใจจะทำเอกสารทางวิชาการออกมาได้แบบ นี้
ผมอยากจะถามว่า พวกท่านมีความรู้สึกเป็นวีรบุรุษและมีความภาคภูมิใจมากนักหรือกับความเป็นจริงเหล่านี้
1. ท่านใช้กำลังทหาร 4 กองพล ซึ่งเท่ากับ 1 กองทัพน้อย (corps) ที่กองทัพ US ใช้เป็น Main effort (ME) ในการขับไล่กองทัพอิรักออกจากการยึดครองประเทศคูเวต แต่พวกท่านเอามาใช้ล้อมปราบ ปชช. ที่ไม่มีอาวุธ และเต็มไปด้วย เด็ก ผู้หญิงและคนแก่
2. ท่านใช้ พลซุ่มยิง ทั้ง กองทัพ รุมยิง เป้าหมาย ผู้ชุมนุม ที่ถูกล้อมอยู่ ดุจดัง ยิงนกในกรง
3. ท่านประกาศว่าเป็นการทำสงครามเต็มรูปแบบกับ ปชช. ภายในชาติด้วย กำลังรบผสมเหล่า ทั้ง ทหารราบ ทหารม้ายานเกราะ หน่วยบิน พลซุ่มยิง หน่วยรบพิเศษ หน่วยส่งทางอากาศ ขาดแต่อาวุธปืนใหญ่ นี่ยังไม่นับหน่วยข่าวกรองอีกจำนวนมาก
4. ท่านมีความภูมิใจว่ามีการวางแผนปราณีตมีการซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดี
5. ท่านให้ข้อมูลที่ทำให้แน่ใจได้ว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างฝ่ายการเมือง และฝ่ายทหารเป็นอย่างดีเพราะทั้งรัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ มีการสั่งและควบคุมการปฏิบัติการอย่างสมบูรณ์แบบตามลำดับสายการบังคับบัญชา (Chain of Command)
6. ท่านชี้ให้เห็นถึงการใช้กระสุนจริงเป็นผลดีต่อขวัญและกำลังใจของทหารโดย เฉพาะมีการประกาศ เขตการใช้กระสุนจริง ใน down town ของ กทม.
แค่นี้ผมก็อยากจะอ้วกแล้วครับ ผมคิดว่าท่านกำลังจะทำให้นายทหารรุ่นหลังๆเข้าใจผิดไปว่าเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นเหล่านี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เป็นบทบาทและหน้าที่ของทหารของชาติอย่างแท้จริง หรือก็เพราะไอ้ชัยชนะแบบนี้เองหรือเปล่าที่ทำให้หลงคิดว่ารบเก่งกันทั้งกอง ทัพอยู่ทุกวันนี้
เคยคิดในมุมมองอื่นกันบ้างหรือไม่ว่า เหตุการณ์นี้ต้องทำบทเรียน (Lesson learn) แน่นอน แต่ทำอีกด้านหนึ่ง คือวิจารณ์ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อีก และถ้ามันเริ่มมีอาการเราจะหยุดอาการเหล่านั้นตั้งแต่แรกอย่างไร จะดับเหตุแห่งความขัดแย้งในสังคมตั้งแต่แรกได้อย่างไร เมื่อถึงขั้นที่การควบคุมจะเป็นไปไม่ได้แล้วใครจะเป็นฝ่ายเสียสละระหว่าง ปชช. ส่วนใหญ่หรือรัฐบาล
บทวิเคราะห์ของ ยศ.ทบ. กรณีนี้ไม่ได้ให้อะไรแก่สังคมนอกจาก การขยายช่องว่างของความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมไทยให้มากขึ้นไปอีก และได้คิดกันบ้างหรือเปล่าว่าข้อเท็จจริง (Facts) ที่ท่านเอามาเป็นหลักฐานในการวิเคราะห์นั้นมันจะกลับมาเป็นพยานหลักฐานว่า บรรดาฝ่ายการเมืองและผู้นำทหารกล่าวเท็จกับสาธารณชนไว้อย่างไรบ้าง แล้วมันจะนำไปฟ้องร้องเป็นคดีความกันได้มากน้อยขนาดไหน
ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือ มันเป็นการยอมรับกับผู้ชุมนุมว่ารัฐบาลไม่เคยมีความมุ่งหมายในการเจรจานอก จากการสลายการชุมนุมเท่านั้น จึงเท่ากับส่งสัญญาณให้ฝ่ายชุมนุมตระหนักว่า ในการชุมนุมครั้งต่อไปไม่ว่าจะชุมนุมด้วยความสงบและปราศจากอาวุธหรือไม่พวก เขาจะต้องถูกปราบปรามด้วยความรุนแรงและด้วยกำลังทหารแน่นอน ดังนั้นจะเป็นอะไรไปถ้าพวกเขาจะนำอาวุธประจำบ้านตามมีตามเกิดติดตัวมาด้วย เพื่อป้องกันตนเองแล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น ผมไม่อยากนึกถึงภาพเลย


(ปกปิดชื่อเพื่อความเป็นส่วนตัว)
พลเอก , ทหารราบ
30 มิ.ย. 54
 http://uddred.blogspot.tw/2012/10/blog-post_16.html?spref=tw

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

twitter

ห้องแชทKonthaiuk